เอเอฟพี - บรรดาญาติพี่น้องของผู้โดยสาร “เที่ยวบิน MH370” ที่อันตรธานไปนานกว่า 4 เดือนชี้ว่า เหตุการณ์อากาศยานสายการบิน “มาเลเซียแอร์ไลน์ส” ตกในยูเครนไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ พร้อมระบุเพิ่มเติมว่าเหตุสลดที่เกิดขึ้นจะจุดชนวนให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์สายการบินเจ้านี้ให้รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
วานนี้ (17 ก.ค.) เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 หรือเที่ยวบิน MH17 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 298 ชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองเนเธอร์แลนด์ โหม่งโลกในยูเครนตะวันออกซึ่งสถานการณ์ความขัดแย้งกำลังระอุคุกรุ่น
ญาติพี่น้องของผู้โดยสารเที่ยวบิน MH370 ซึ่งหายสาบสูญไปตั้งแต่เดือนมีนาคม ได้ออกมากล่าวหาสายการบินเจ้านี้ และรัฐบาลมาเลเซียครั้งแล้วครั้งเล่าว่าพยายามปกปิดข้อมูล และแสดงพฤติกรรมน่าสงสัย ระหว่างดำเนินการสืบสวนภัยพิบัติทางอากาศครั้งนั้น
ซาราห์ บัจก์ (Sarah Bajc) คนรักของ ฟิลิป วูด ผู้โดยสารชาวอเมริกันบน MH370 กล่าวว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของเวลา สาเหตุที่สายการบินแห่งชาติมาเลเซียที่กำลังต่อสู้ดิ้นรน (กับกระแสวิพากษ์วิจารณ์) ต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมระลอกใหม่ก็เพราะ “เมื่ออาการของโรคถูกละเลย โรคนั้นร้ายก็จะกัดกินจนแผลเน่าเปื่อย”
เจ้าหน้าที่อเมริกันต่างลงความเห็นว่า MH17 ถูกกลุ่มติดอาวุธฝักใฝ่รัสเซีย ที่ลุกฮือก่อเหตุรุนแรงในยูเครนตะวันออกใช้ขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศยิงตก
บัจก์ระบุในอีเมลที่ส่งถึงเอเอฟพีว่า “มีเที่ยวบิน (ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส) ตกอีกเที่ยว แถมยังเป็นเครื่อง (โบอิ้ง) 777 เหมือนกัน จึงเป็นไปได้น้อยมากที่ 2 เหตุการณ์นี้ครั้งจะไม่เกี่ยวพันกันในทางใดก็ทางหนึ่ง”
เธอกล่าวว่า “เราจะรู้ได้อย่างไรว่า MH370 ไม่ได้ประสบเหตุการณ์เดียวกันนี้”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา เที่ยวบิน MH370 ได้อันตรธานไประหว่างเดินทางออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่ง พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารรวม 239 ชีวิต โดยที่ 2 ใน 3 ของผู้โดยสารเป็นพลเมืองจีน
ทั้งนี้ เชื่อกันว่า เครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ลำดังกล่าว ประสบอุบัติเหตุตกทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ทว่าแม้นานาชาติจะระดมกำลังค้นหาอย่างครอบคลุม แต่ก็ยังไม่พบซากเครื่องบินแม้แต่ชิ้นเดียว ส่งผลให้ครอบครัวผู้โดยสารซึ่งกล่าวหาว่า รัฐบาลเสือเหลืองปกปิดความจริง พากันสิ้นหวังและเจ็บปวดใจ
สตีเฟน หวัง ผู้นำกลุ่มญาติผู้โดยสารชาวจีนบนเที่ยวบิน MH370 กล่าวว่า โศกนาฏกรรมครั้งล่าสุดได้จุดประกายให้พวกเขาเกิดความเห็นอกเห็นใจครอบครัวผู้โดยสารเที่ยวบิน MH17 อย่างลึกซึ้ง
หวัง ผู้ที่แม่วัย 57 ปีของเธอหายสาบสูญไปกับเที่ยวบิน MH370 กล่าวว่า “น่าผิดหวังมาก ที่สายการบินเดียวกันจะเผชิญเหตุการณ์แบบนี้” 2 ครั้งซ้อน
อินตัน ไมซูรา โอธมัน พลเมืองมาเลเซียซึ่งเพิ่งให้กำเนิดบุตร 2 เดือนหลังจาก สูญเสียสามีของเธอ ซึ่งเป็นพนักงานต้อนรับของมาเลเซียแอร์ไลน์สเช่นกันไปกับเที่ยวบิน MH370 กล่าวว่าเธอ “ยังหยุดร้องไห้คิดถึงสามีไม่ได้” แล้วตอนนี้ยังต้องเสียน้ำตาให้เพื่อนร่วมอาชีพบนเที่ยวบิน MH17 อีก
เธอระบุในทวิตเตอร์ว่า “ยังหวังจะให้ฉันบินต่ออยู่อีกหรือ??? ฉันคิดว่าคงจะต้องแขวนเครื่องแบบเร็วๆ นี้แล้ว”
มาเลเซียแอร์ไลน์ส และรัฐบาลกัวลาลัมเปอร์ได้ออกมาแถลงแก้ตัว เรื่องที่ยังบินผ่านน่านฟ้ายูเครนตะวันออก ซึ่งถูกกบฏยึดครองว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจด้านการเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศเห็นว่าเส้นทางบินนี้ยังมีความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม สายการบินใหญ่สองเจ้าของเกาหลีใต้ ได้แก่ โคเรียนแอร์ และเอเชียนาแอร์ไลน์ส ตลอดจนสายการบินแควนตัสของออสเตรเลียกล่าวว่า ได้ปรับผังเส้นทางบินใหม่ตั้งแต่เมื่อต้นเดือนมีนาคม เมื่อทหารรัสเซียเคลื่อนกำลังเข้าสู่สาธารณรัฐไครเมีย จนจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งในยูเครน
