เอเอฟพี – วันนี้ (17) ประชาชนหลายล้านในฟิลิปปินส์ต้องทนทรหดอยู่กับวันที่อบอ้าวต่อเป็นวันที่สองโดยไม่มีไฟฟ้าใช้ หลังจากพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงทำให้เมืองหลวงกลายเป็นอัมพาตและเข้าทำลายบ้านเรือนในชนบทที่ปลูกสร้างไม่แข็งแรง ตลอดจนได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 38 คน
ทางการแดนตากาล็อกได้แสดงความไม่พอใจ หลังรายงานจากพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายขั้นเลวร้ายค่อยทยอยมีมาเรื่อยๆ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่น "รามสูร" พายุลูกใหญ่ลูกแรกรับฤดูฝนของประเทศหมู่เกาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้พุ่งขั้นเป็น 38 รายแล้ว
“เราต้องเร่งตรวจสอบว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ชาวบ้านชนบทจำนวนมากไม่ให้ความสนใจกับคำเตือน” อเล็กซานเดอร์ ปามา ประธานสภาการจัดการและลดความเสี่ยงด้านภัยพิบัติแห่งชาติ บอกต่อเอเอฟพี
รัฐบาลได้อพยพประชาชนเกือบ 400,000 คน ออกจากเส้นทางของพายุรามสูร และเตือนให้คนอื่นๆ อยู่แต่ในอาคารบ้านเรือน ตามนโยบายลดผู้เสียชีวิตให้เป็น "ศูนย์"
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากสภาระบุว่า มีประชาชนจำนวนมากเสียชีวิตอยู่ภายนอกอาคาร ทั้งจากการถูกต้นไม้หักโค่นใส่ , อาคารถล่ม และเศษอิฐหินที่ปลิวว่อน
ปามา กล่าวว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงมากกว่านี้ เนื่องจากโทรศัพท์มือถือและการติดต่อสื่อสารรูปแบบอื่นๆ ยังตัดขาดกับพื้นที่ชนบท โดยเขากล่าวว่า ยังคงมีผู้สูญหายอยู่อีกอย่างน้อย 8 คน
รามสูร ซึ่งเป็นนาม "เทพเจ้าแห่งสายฟ้า" ตามความเชื่อของไทย พัดเข้ามาจากมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อคืนวันอังคาร (15) จากนั้นได้นำพาลมกระโชกแรงสูงสุดถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นฝั่งเข้ามาสู่กรุงมะนิลาและภูมิภาคอื่นๆ ทางภาคเหนือที่มีประชาชนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น
“มันซัดเอาเมืองไปทั้งหมดจริงๆ ตลอดจนพัดทำลายบ้านเรือนและทำเสาไฟฟ้าโค่นล้ม” ริชาร์ด กอร์ดอน ประธานสภากาชาดฟิลิปปินส์ บอกต่อเอเอฟพี
อิทธิพลของไต้ฝุ่นลูกนี้ทำให้เกิดไฟฟ้าดับเกือบทั่วกรุงมะนิลา มหานครที่มีผู้อยู่อาศัยมมากกว่า 12 ล้านคน และเขตเมืองต่างๆ ที่อยู่รายล้อม ส่งผลให้โรงเรียนและสำนักงานของรัฐทั่วทั้งมะนิลาถูกสั่งปิด เที่ยวบินหลายร้อยถูกระงับชั่วคราว และตลาดหลักทรัพย์ก็ปิดทำการ
ตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานของรัฐจะเปิดทำการอีกครั้งในวันนี้ (17) แต่โรงเรียนจำนวนมากยังคงปิดอยู่เป็นบางส่วน เนื่องจากปัญหาด้านไฟฟ้า