เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - “คาร์ฟูร์” ห้างค้าปลีกรายใหญ่อันดับ 4 ของโลกจากฝรั่งเศส ประกาศถอนตัวในวันพุธ (9 ก.ค.) จากการดำเนินธุรกิจในตลาดอินเดีย หนึ่งในประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่รายใหญ่ของโลก
คำแถลงของคาร์ฟูร์ ซึ่งก่อตั้งกิจการมาตั้งแต่ปี 1958 หรือเมื่อ 56 ปีก่อน ระบุว่า ทางบริษัทฯ ได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้วและได้ข้อสรุปว่า “บรรยากาศในการดำเนินธุรกิจ” ในอินเดียนับจากนี้อยู่ในภาวะที่ “ไม่เอื้ออำนวยอย่างยิ่งยวด” และนำไปสู่การตัดสินใจถอนธุรกิจทั้งหมดของคาร์ฟูร์ออกจากแดนภารตะอย่างสิ้นเชิง
คาร์ฟูร์ซึ่งเพิ่งเข้าไปลงทุนในอินเดียเมื่อปี 2010 เตรียมปิดสาขาทั้งหมดของตนที่มีอยู่ 5 แห่งภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ อย่างไรก็ดี ทีมผู้บริหารของคาร์ฟูร์ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ ว่าการตัดสินใจถอนตัวจากอินเดียในครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับการที่นาย “นเรนทรา โมดี” และพรรคการเมืองฮินดูชาตินิยม ภารติยะชนตะ (บีเจพี) ได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมหรือไม่
ด้านแหล่งข่าวในกรุงนิวเดลีเปิดเผยโดยอ้างคนใกล้ชิดของผู้บริหารคาร์ฟูร์ว่า ทางห้างค้าปลีกชื่อดังสัญชาติฝรั่งเศสมีความกังวลต่อนโยบายด้านการลงทุนของรัฐบาลโมดี ที่ถึงแม้จะประกาศดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามายังอินเดีย แต่ในขณะเดียวกัน รัฐบาลชุดนี้ก็ยังมีความพยายามในการบังคับใช้นโยบายหลายอย่างที่ต้องการลดการ “ผูกขาดของต่างชาติ” ควบคู่ไปด้วย รวมถึงในธุรกิจค้าปลีก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อคาร์ฟูร์
ทั้งนี้ คาร์ฟูร์ถือเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่อันดับ 4 ของโลกในแง่ของรายได้รวม ตามหลังวอลล์มาร์ทของสหรัฐฯ, เทสโก้ของอังกฤษ และคอสต์โคของสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2006 คาร์ฟูร์ตัดสินใจถอนตัวจากการดำเนินธุรกิจในเกาหลีใต้ และสาธารณรัฐเช็ก ขณะที่คาร์ฟูร์ได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากประเทศไทยไปเมื่อช่วงปลายปี 2010 หลังจากเข้ามาดำเนินธุรกิจในแดนสยามตั้งแต่ปี 1996