เอเอฟพี – ประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน ประกาศจะไม่ขยายเวลาหยุดยิงฝ่ายเดียวออกไปอีก และเตรียมส่งปฏิบัติการทางทหารเข้ากวาดล้างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออก
ผู้นำคนใหม่ของยูเครนที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก แถลงเมื่อค่ำวานนี้(30)ว่า “หลังจากประเมินสถานการณ์ดูแล้ว ผมในฐานะผู้บัญชาการกองทัพยูเครนตัดสินใจที่จะไม่ขยายระยะเวลาหยุดยิงฝ่ายเดียวออกไปอีก”
“เราจะเป็นฝ่ายโจมตีบ้าง” โปโรเชนโก กล่าว
วิกฤตการณ์ในยูเครนส่อเค้าลุกลามอีกครั้ง หลังการประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียวเป็นเวลา 10 วันของ โปโรเชนโก ไม่ช่วยให้สถานการณ์การสู้รบในภาคตะวันออกบรรเทาเบาบางลง ขณะที่ความพยายามของฝรั่งเศสและเยอรมนีที่จะโน้มน้าวให้เคียฟยอมขยายเวลาหยุดยิงออกไปก็ไม่เป็นผล
อย่างไรก็ตาม โปโรเชนโก ซึ่งกำลังถูกพลเมืองยูเครนกดดันให้ใช้ “ไม้แข็ง” กับพวกกบฏบ้าง ยังยืนยันว่า รัฐบาลของเขาไม่ได้ปฏิเสธแผนสันติภาพเสียทีเดียว
“เราพร้อมเสียด้วยซ้ำที่จะกลับไปใช้คำสั่งหยุดยิงได้ทุกเมื่อ หากเราเห็นว่าทุกฝ่ายพร้อมที่จะยอมรับข้อตกลงหลักๆ ของแผนสันติภาพ”
ยูเครนและชาติตะวันตกเชื่อว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลังเหตุสู้รบซึ่งคร่าชีวิตประชาชนไปแล้ว 450 ราย โดยส่งทั้งอาวุธและนักรบข้ามพรมแดนมายังภาคตะวันออกของยูเครนเพื่อยุยงให้เกิดการแบ่งแยก
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสแถลงว่า เคียฟและมอสโกกำลังเจรจาเพื่อทำข้อตกลงหยุดยิง 2 ฝ่าย จนเป็นที่คาดเดาว่า โปโรเชนโก อาจจะยอมขยายเวลาหยุดยิงออกไปอีก แต่รัฐบาลยูเครนกลับแถลงเพียงว่า ทุกฝ่ายเห็นชอบให้มีการหารือข้อตกลงหยุดยิง 2 ฝ่ายในการประชุมปรึกษารอบใหม่ ซึ่งจะมีผู้แทนจากองค์การความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE), นักการทูตรัสเซีย และอดีตประธานาธิบดี ลีโอนิด คุชมา แห่งยูเครน เข้าร่วมวงสนทนาด้วย
ด้านรัสเซียก็ยืนยันว่าสนับสนุนการเจรจาทางอ้อมรอบใหม่ ขณะที่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ก็เน้นย้ำ “ความจำเป็นในการขยายเวลาหยุดยิง” และขอให้ผู้สังเกตการณ์นานาชาติเข้ามาร่วมตรวจสอบ
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี ได้ย้ำคำขู่ของสหภาพยุโรปที่ว่า รัสเซียอาจเผชิญมาตรการคว่ำบาตรหนักหน่วงยิ่งขึ้นหากไม่กดดันให้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครนวางอาวุธ ซึ่งบทลงโทษที่ครอบคลุมนี้จะทำให้รัสเซียต้องสูญเสียตลาดอียูซึ่งมีผู้บริโภคราว 500 ล้านคน และจะทำให้เศรษฐกิจแดนหมีขาวเข้าสู่ภาวะถดถอย