รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-เกิดเหตุยิงปะทะอย่างดุเดือด ระหว่างกองกำลังความมั่นคงของเม็กซิโกกับกลุ่มอาชญากรทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเม็กซิโก ซิตี ในวันจันทร์ (30 มิ.ย.) เป็นเหตุให้สมาชิกแก๊งอาชญากรเสียชีวิตอย่างน้อย 22 ราย ถือเป็นหนึ่งในเหตุปะทะที่นองเลือดที่สุดนับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีเอ็นริเก เปนญา เนียโต ก้าวขึ้นครองอำนาจเมื่อปลายปี 2012
โฆษกกระทรวงมหาดไทยรวมถึงสำนักอัยการกลางแดนจังโก้แถลงว่า เหตุยิงปะทะกันล่าสุดเกิดขึ้นที่เขต “ตลาตลายา” ทางใต้ของกรุงเม็กซิโก ซิตีและถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมาอย่างยาวนานจากเหตุรุนแรง ที่มีแก๊งอาชญากรจากรัฐเพื่อนบ้านอย่างรัฐ “เกร์เรโร” และ“มิโชอากัน” เป็นสาเหตุ โดยผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากการปะทะกันครั้งนี้ซึ่งมีจำนวนอย่างน้อย 22 คนนั้นคาดว่าจะเป็นสมาชิกกลุ่มอาชญากรในพื้นที่ทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเอ็นริเก เปนญา เนียโต ผู้นำเม็กซิโก ได้ประกาศตั้งแต่ก้าวขึ้นครองอำนาจเมื่อเดือนธันวาคมปี 2012 ว่าจะเดินหน้ากวาดล้างขบวนการอาชญากร รวมถึงเครือข่ายค้ายาเสพติดในประเทศ ที่เป็นต้นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 90,000 คนนับตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ดี ความพยายามของรัฐบาลเม็กซิโกภายใต้การนำของประธานาธิบดีหนุ่มใหญ่วัย 47 ปี ในการยุติเหตุรุนแรงในประเทศยังคงไม่ประสบความสำเร็จมากนัก โดยเฉพาะในพื้นที่รอบกรุงเม็กซิโก ซิตี ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดของประเทศที่ยังคงเกิดเหตุฆาตกรรมเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 14 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ขณะที่เหตุฆาตกรรมในรัฐมิโชอากันที่อยู่ใกล้เคียงได้พุ่งสูงมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่แม้จริง จากสงครามกวาดล้างแก๊งค้ายาเสพติดและเครือข่ายอาชญากร ที่ถูกริเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีเฟลิเป กัลเดรอนนั้น อาจมีสูงกว่า 120,000 คนขณะที่อีกมากกว่า 27,000 คนยังคงสูญหายไร้ร่องรอย ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าข้อมูลของทางการ