เอเอฟพี - แดเนียล แคร์โรล( Daniel Carroll ) ผู้จัดการโปรเจคต์ของบริษัทกองทัพเอกชน “แบล็ควอเตอร์ ” ที่อื้อฉาว ขู่จะเอาชีวิตเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯในระหว่างที่กำลังประเมินผลงานของบริษัทที่ได้รับสัญญามูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์
สื่อสหรัฐฯ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานในวันจันทร์(30) ที่สามารถเข้าถึงบันทึกภายในกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯเปิดเผยว่า มีการข่มขู่เกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่พนักงานรักษาความปลอดภัยของ “แบล็ควอเตอร์ ” จะใช้ปืนสังหารพลเรือนอิรักร่วม 17 คนในวันที่ 16 กันยายน 2007 ที่จตุรัสนิซูร์ (Nisour Square) กลางกรุงแบกแดด อิรัก
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ในสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงแบกแดดในขณะนั้นเข้าข้าง “แบล็ควอเตอร์ ” และพบว่าผู้ตรวจกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯถูกสั่งย้าย นิวยอร์กไทม์สรายงาน
ปัจจุบันอดีตพนักงานของแบล็ควอเตอร์ จำนวน 4 คนยังอยู่ในระหว่างการใต่สวนในชั้นศาลที่สหรัฐฯในเหตุสังหารจตุรัสนิซูร์ จากผลการสังหารของแบล็ควอเตอร์ที่ได้รับค่าตอบแทนจากเงินงบประมาณรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้ชาวอิรักมีความรู้สึกแง่ลบกับชาวอเมริกัน
ณอน ริชเตอร์ (Jean Richter) หัวหน้าผู้ตรวจกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯในขณะนั้น ได้เตือนในบันทึกภายในกระทรวงลงวันที่ 31 สิงหาคม 2007 ว่า “บริษัทเอกชนด้านคงมั่นคงที่ถูกละเลยในการควบคุมและมีสัญญามูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์กับรัฐบาลสหรัฐฯอยู่ในมือ เพื่อให้บริการปกป้องชีวิตนักการทูตอเมริกันในอิรัก ได้สร้างสิ่งแวดล้อมทีเต็มไปด้วยปัญหาและการเพิกเฉย”
โดยริชเตอร์ได้ย้ำในบันทึกภายในว่า “พนักงานแบล็ควอเตอร์มองว่าตนเป็ผู้อยู่เหนือกฎหมาย”
ทั้งนี้นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า บันทึกภายในของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯชี้ว่า แดเนียล แคร์โรล( Daniel Carroll ) ผู้จัดการโปรเจคต์ของแบล็ควอเตอร์ในอิรัก ได้บอกกับริชเตอร์หลังจากทั้งคู่มีปากเสียงว่า “แคร์โรลสามารถสังหารริชเตอร์ได้ในทันทีโดยที่ไม่มีใครหรือสิ่งใดสามารถทำอะไรได้เพราะเขาทั้งคู่อยู่ในอิรัก”
และริชเตอร์เขียนบรรยายต่อว่า “ดังนั้นผมจึงถือคำขู่สังหารของคุณแคร์โรลอย่างจริงจัง เราต่างอยู่ในพื้นที่สงครามที่สิ่งใดก็ตามสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดฝัน โดยเฉพาะกับสิ่งที่มีผลกระทบต่อผลกำไรในธุรกิจการทหารที่มีจำนวนเม็ดเงินมหาศาล”
และมีผู้ร่วมงานของริชเตอร์จากแผนกตรวจสอบภายในต่างประเทศสหรัฐฯที่เป็นพยานได้เขียนรายงานสนับสนุนริชเตอร์ในรายงานอีกฉบับ
ทั้งนี้บริษัทกองทัพเอกชนแบล็ควอเตอร์ได้ถูกรัฐบาลแบกแดดเพิกถอนใบอนุญาตทำงานในอิรักในที่สุด และนับตั้งแต่นั้นมาทางบริษัทต้องเปลี่ยนชื่อถึงสองครั้งหลังจากควบรวมกิจการกับบริษัทคู่แข่งที่ปัจจุบันนี้ชื่อ “คอนสเตลลิส โฮลดิงส” (Constellis Holdings) และกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯได้ยกเลิกสัญญากับแบล็ควอเตอร์ในทันทีหลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาเข้ารับตำแหน่งในปี 2009