เอพี/เอเจนซีส์ – ในวันพฤหัสบดี(26) เจ้าหน้าที่ความมั่นคงเม็กซิกันบังคับเฮลิคอปเตอร์ข้ามพรมแดนเข้าไปในรัฐแอริโซนา สหรัฐฯ และเปิดฉากยิงใส่เจ้าหน้าที่ประจำชายแดนสหรัฐฯ 2 นาย หัวหน้าสำนักงานรักษาพรมแดนสหรัฐฯเปิดเผย
เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเม็กซิโกและเจ้าหน้าที่รักษากฏหมายเม็กซิกันจำนวน 1 ลำบินล้ำเข้าไปในสหรัฐฯในเขตรัฐแอริโซนาประมาณ 92 ม. ทางเหนือในบริเวณทะเลทราย สำนักงานรักษาพรมแดนสหรัฐฯแถลง และแถลงเสริมว่า เจ้าหน้าที่เม็กซิโกได้สาดกระสุนใส่บริเวณ(เขตสงวน)ประเทศอินเดียแดง โทโฮโน โอ ออดแฮม (Tohono O'Odham Indian Nation) ที่ตั้งอยู่ใกล้บริเวณพรมแดนเม็กซิโกและรัฐแอริโซนา และหัวหน้าของเจ้าหน้าที่รักษาพรมแดนสหรัฐฯยังยืนยันว่า เฮลิคอปเตอร์ของเม็กซิโกยเปิดฉากยิงใส่เจ้าหน้าที่รักษาพรมแดนสหรัฐฯ แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม ทางเม็กซิโกปฏิเสธว่าไม่มีการยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่รักษาพรมแดนสหรัฐฯแต่อย่างใด และกล่าวว่าทางเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายเม็กซิกันบนเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นถูกโจมตีในระหว่างภารกิจค้นหากลุ่มคนร้ายลักลอบขนของเถื่อนตามบริเวณพรมแดนเม็กซิโก-สหรัฐฯ
ทั้งนี้เหตุการณ์ฮ.เม็กซิโกบินล้ำพรมแดนอยู่ในระหว่างที่สหรัฐฯและประเทศเพื่อนบ้านทางใต้มีปัญหาเกี่ยวกับด่านพรมแดน จากสาเหตุที่ผู้อพยพจำนวนมากจากอเมริกากลางทะลักเข้าสหรัฐฯผ่านทางรัฐเท็กซัสที่มีพรมแดนติดเม็กซิโก ทำให้สำนักงานรักษาพรมแดนสหรัฐฯตกอยู่ในสภาพงานล้นมือ ไม่สามารถบันทึกรายละเอียดผู้อพยพเกือบแสนคนได้ทัน
ล่าสุดเมื่อวานนี้(27)ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ต้องออกมาร้องขอผ่านหน้าจอไม่ให้ผู้ปกครองชาวอเมริกากลางส่งบุตรหลานเดินทางมาสหรัฐฯตามลำพัง หลังข่าวลือลามไปทั่วภูมิภาคว่า หากเด็กชาวอเมริกากลางสามารถเดินทางมาพบกับเจ้าหน้าที่รักษาพรมแดนสหรัฐฯได้ พวกเขาเหล่านั้นจะได้รับโอกาสให้เรียนหนังสือ และผู้อพยพจะได้รับอนุญาตให้ตั้งรกรากในสหรัฐฯอย่างถูกกฎหมาย โดยพบว่าตั้งแต่ปี 2009 มีจำนวนผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจากในสมัยของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิลยู บูช ที่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายปฎิรูปกฎหมายต่างด้าวผิดกฏหมายในสหรัฐฯ หรือ Dream Act ที่ต่างด้าวเชื้อสายลาตินอเมริกาเดินทางเข้ามมาในสหรัฐฯตั้งแต่เด็กต้องการรับโอกาสให้แปลงสัญชาติเป็นพลเมืองสหรัฐฯได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย
ด้านโทมาซ ซีรอน (Tomás Zerón) ผู้อำนวยการสำนักงานอัยการเม็กซิโกแผนกสอบสวนเปิดเผยว่า กองกำลังผสมระหว่างทหารเม็กซิกันและตำรวจจากส่วนกลางของเม็กซิโกที่อยู่ในระหว่างภารกิจที่ไร่ปศุสัตว์ใน อัลตาร์ (Alta) รัฐโซโนรา (Sonora) ถูกกลุ่มคนร้ายโจมตี และซีรอนยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงเม็กซิกันไม่เคยใช้อาวุธยิงข้ามพรมแดนไปยังสหรัฐฯแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ อาร์ต เดล คูอีโต (Art del Cueto) ประธานสหภาพเจ้าหน้าที่รักษาพรมแดนท้องถิ่นกล่าวว่า ในขณะนั้นเจ้าหน้าที่รักษาพรมแดนสหรัฐฯ 4 นายอยู่ในรถของสำนักงานติดตราสำนักงานรักษาพรมแดนสหรัฐฯในขณะที่ถูกเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเม็กซิโกยิงเข้าใส่
“ทางเม็กซิโกอาจพูดได้ว่า ไม่มีเจตนายิงใส่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แต่การพูดว่าไม่มีการใช้อาวุธยิงภายในเขตแดนสหรัฐฯ เปิดฉากยิงใส่พรมแดนสหรัฐฯ นั้นเป็นเรื่องโกหก ทางเม็กซิโกได้ติดต่อกับผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานเรา และกล่าวขอโทษในเหตุที่เกิด” อาร์ต เดล คูอีโต กล่าว
“เฮลิคอปเตอร์ของเม็กซิโกบินห่างเจ้าหน้าที่รักษาพรมแดนสหรัฐฯราว 14 ม.เมื่อเปิดฉากยิง” อาร์ต เดล คูอีโต ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม และกล่าวต่อว่า เขารู้สึกกังวลที่ทางเจ้าหน้าที่รักษาพรมแดนสหรัฐฯในทูซอน (Tucson) ไม่ได้เตือนเจ้าหน้าที่รักษาพรมแดนในชุดถัดไปว่า มีเหตุเกิดบินล้ำแดนและใช้อาวุธโจมตีรถหน่วยงานในขณะปฎิบัติหน้าที่
“ผมคิดว่าหัวหน้าสายบังคับบัญชาในท้องที่สมควรที่ต้องเตือนเหล่าผู้ปฎิบัติงานในผลัดต่อไปให้ทราบถึงเหตุการณ์เปิดฉากยิงทางอากาศของเม็กซิโกนี้ เจ้าหน้าที่รักษาพรมแดนสหรัฐฯล้วนแต่ตื่นตัวอยู่ในความพร้อมตลอดเวลา แต่เหตุการณ์นี้จะทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่มีความกลัวเพิ่มขึ้น” ” อาร์ต เดล คูอีโต กล่าว
และ เซบาสเตียน กาลวาน (Sebastián Galván) โฆษกกงสุลเม็กซิโกในทูซอน แถลงว่าทางกงสุลอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล
ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทางกองทัพเม็กซิโกออกปฎิบัติการทางทหารเข้ามาในดินแดนสหรัฐฯ ในเดือนมกราคมล่าสุด เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯต้องเผชิญหน้ากับยานหุ้มเกราะติดอาวุธหนักของกองทัพเม็กซิโกที่ข้ามพรมแดนเข้ามาราว 50 หลา ในรัฐแอริโซนา สหรัฐฯ ลอส แอนเจลิส ไทม์ส รายงาน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และในปี 2011 ทหารเม็กซิกันจำนวน 30 นายในรถกองทัพเม็กซิโกล้ำพรมแดนเข้ามาในริโอ แกรนด์ แวลลีย์ รัฐเท็กซัส โดยไม่ได้รับอนุญาต เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุที่บังเอิญล่วงล้ำเข้ามา