เอเจนซีส์ - คงจะได้เห็น FBI ของสหรัฐฯทำคดีเจ้าพ่อสื่อระดับโลก “รูเพิร์ต เมอร์ด็อก” ในสหรัฐฯไม่ช้านี้ หลังจากที่คดีดักฟังในฝั่งอังกฤษใกล้ยุติ โดยรายงานล่าสุดว่า FBI ได้ยึดอีเมลร่วม 80,000 ที่รอดจากการถูกลบครั้งใหญ่ ได้จากเครื่องเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ในสำนักงานใหญ่นิวส์ คอร์ปอเรชั่น หรือ นิวส์ คอร์ป ที่ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก วัย 83 ปี เป็นผู้ก่อตั้งและยังคงรั้งตำแหน่งประธานบริษัท และกรรมการผู้จัดการอยู่ในปัจจุบัน
เดอะ เดลีบีสต์ สื่อสหรัฐฯรายงานในวันพุธ (25) ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ FBI สามารถยึดอีเมลจำนวนอย่างน้อย 80,000 อีเมลจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ในสำนักงานใหญ่นิวส์ คอร์ป ที่ตั้งอยู่ในนิวยอร์ก โดยบางส่วนของอีเมลพวกนี้ รวมถึงอีเมลที่ถูกส่งจากสายบังคับบัญชาของรีเบคกาห์ บรูคส์ (Rebekah Brooks) วัย 46 ปี อดีตผู้บริหารระดับสูงของนิวส์ คอร์ป และอดีตบรรณาธิการ นิวส์ออฟ เดอะ เวิลด์ (News of the World) คนสนิทของเจ้าพ่อสื่อที่ไม่ถูกศาลอังกฤษตัดสินลงโทษนั้นไม่ได้รวมอยู่ในส่วนที่ถูกสั่งให้ลบครั้งมโหฬารนับหลายล้านอีเมลในกรุงลอนดอนเมื่อครั้งทางบริษัทได้ระแคะระคายว่าตำรวจสกอตแลนด์ยาร์ดจะบุกเข้าไปยึดหาหลักฐานคดีดักฟังครั้งประวัติศาสตร์
“อีเมลที่ FBI ยึดนั้นได้ถูกใช้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สกอตแลนด์ยาร์ดของอังกฤษ แต่การพบร่องรอยของอีเมลจำนวนร่วม 80,000 นี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยให้ผู้พิพากษาของคดีรับทราบจนกระทั่งช่วงท้ายๆ ของการใต่สวน และแน่นอนที่สุดว่าอีเมลจำนวนมากเหล่านี้ไม่ได้ถูกจัดให้เป็นของกลาง ดังนั้นการเปิดเผยจะทำได้ก็ต่อเมื่อคณะลูกขุนได้ออกคำพิพากษาแล้วเท่านั้น” เดลีบีสต์รายงาน
และในสัปดาห์นี้ ศาลอังกฤษในกรุงลอนดอนพบว่าสื่อหนังสือพิมพ์ยอดขายดีสูงสุดในอังกฤษ นิวส์ออฟ เดอะ เวิลด์ นั้นได้ละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชนอังกฤษด้วยการดักฟังโทรศัพท์อย่างกว้างขวางและเป็นระบบ โดยมีจำนวนผู้ตกเป็นเหยื่อหลายพันรายนั้บตั้งแต่สมาชิกราชวงศ์อังกฤษจนไปถึงเหยื่อฆาตกรรม ซึ่งนี่ถือเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการล่มสลายของอาณาจักรเจ้าพ่อสื่อ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก
นอกจากนี้ สื่อรัสเซีย RT รายงานเมื่อวานนี้ (26) ว่า ในวันอังคาร (24) อดีตบรรณาธิการ นิวส์ออฟ เดอะ เวิลด์ แอนดี คูลสัน (Andy Coulson) วัย 46 ปี ถูกศาลอังกฤษพิพากษาให้มีความผิดในคดีสมรู้ร่วมคิดเพื่อดักฟังโทรศัพท์ แต่บรูคส์ถูกตัดสินให้พ้นผิด คำพิพากษามีขึ้นหลังจากคดีเกิดเมื่อ 3 ปีมาแล้ว ที่สื่อภายใต้ร่มเงาของอาณาจักรนิวส์ คอร์ป ได้แอบลักลอบรวบรวมวอยซ์เมลส่วนตัวอย่างผิดกฎหมาย ที่มีความหลากหลายนับตั้งแต่บุคคลที่มีชื่อเสียงทางสังคม สมาชิกราชวงศ์อังกฤษ นักการเมืองอังกฤษ ที่รวมไปถึงนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน และอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ โทนี แบลร์ และเหยื่อสาววัยรุ่นชาวอังกฤษที่ถูกสังหารรวมอยู่ในนี้ด้วย
และมีความเป็นไปได้ว่า ทาง FBI สหรัฐฯกำลังตรวจสอบเมอร์ด็อก พนักงานของเขา และ นิวส์ คอร์ป ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งในแมนแฮตตัน สหรัฐฯ ว่าได้กระทำผิดอะไรบ้าง โดยมีรายงานเมื่อปี 2011 ว่า ทาง FBI เริ่มสอบสวนเบื้องต้นเพื่อดูว่าเรื่องอื้อฉาวอาณาจักรสื่อของรูเพิร์ต เมอร์ด็อก ดักฟังทางโทรศัพท์ ได้ข้ามฝั่งไปถึงอเมริกาหรือไม่ หลังจากส.ส. อเมริกันเรียกร้องให้สืบสวนว่าพนักงานนิวส์คอร์ปเข้าถึงบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ของเหยื่อวินาศกรรม 11 กันยา
นอกจากนี้ ในครั้งนั้น วุฒิสมาชิก เจย์ รอคกีเฟลเลอร์ และ บาร์บารา บอกเซอร์ ยังขอให้รัฐมนตรียุติธรรมและหัวหน้าคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ตรวจสอบดูว่ามีการละเมิดกฎหมายของสหรัฐฯหรือไม่ พร้อมชี้ถึงข้อกล่าวหาว่าพนักงานบริษัท นิวส์ คอร์ป ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐฯ ติดสินบนตำรวจอังกฤษหรือไม่ เพราะเรื่องดังกล่าวอาจละเมิดกฎหมายสหรัฐฯ ว่าด้วยพฤติกรรมติดสินบนต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม สื่ออังกฤษ เดลีเมลรายงานเมื่อวานนี้ (26) ว่า เนื้อหาอีเมลที่ FBI รวบรวมนั้นยังไม่เป็นที่เปิดเผย และทางหน่วยงานสหรัฐฯปฏิเสธที่จะตอบคำถามเดลีเมลถึงวัตถุประสงค์ในการรวบรวม และมีอีเมลเหล่านี้ทาง FBI จะใช้ไปทำการใดบ้าง
นอกจากนี้ เดลีบีสต์ยังรายงานต่อว่า ในความสนใจมากสุดของ FBI ในคดีที่นิวยอร์ก เมื่อพบว่าเมอร์ด็อกต้องให้ปากคำกับสก็อตแลนด์ยาร์ดในไม่กี่สัปดาห์นี้ เดอะการ์เดียนรายงานในวันพุธ (25) โดยก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ต้องการสอบปากคำเมอร์ด็อก แต่ได้รับปากกับทนายความของเขาว่าจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อการใต่สวนคดีดักฟังทางโทรศัพท์ได้สิ้นสุดลง และสื่อนอกยังรายงานต่อว่า มีความเป็นไปได้ว่าบริษัทของเมอร์ด็อกในสหรัฐฯอาจถูกถอดใบอนุญาตประกอบการหากพบว่าทำความผิดตามกฎหมายสหรัฐฯ โดยพบว่าฟ็อกซ์ทีวี และทเวนตี้เซนจูรี่ฟ็อกซ์ นั้นเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันที่อยู่ใต้ร่มเงาของอาณาจักรเมอร์ด็อกในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ตำรวจอังกฤษกำลังใต่สวนคดีที่ทางอังกฤษฟ้องบริษัทของเมอร์ด็อก และมีคดีอาญาอีก 12 คดีฟ้องอดีตพนักงานของเดอะซัน และนิวส์ออฟ เดอะ เวิลด์ ที่ถูกกำหนดในปลายปีนี้ ทั้งนี้ ดิ อินดิเพนเดนต์รายงานในปีที่ผ่านมาว่า เกอร์สัน ซไวแฟช(Gerson Zweifach) จากนิวส์ คอร์ปบินตรงไปที่กรุงลอนดอนเพื่อพบกับเจ้าหน้าที่สอบสวนอังกฤษ และกล่าวว่า หากบริษัทสื่อแห่งนี้โดนสอบสวนจริง จะส่งผลร้ายต่อบริษัททั้งในฝั่งอังกฤษและอเมริกาที่จะทำให้พนักงานหลายหมื่นคนต้องตกงาน