xs
xsm
sm
md
lg

หญิงซูดานที่รอดพ้นโทษประหารฐาน “เปลี่ยนศาสนา” เข้าซังเตอีกรอบในข้อหา “ใช้หนังสือเดินทางปลอม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มีเรียม ยาเฮีย อิบรอฮิม อิชาก หญิงสาวชาวซูดานวัย 26 ปีที่เคยถูกศาลพิพากษาประหารชีวิต
เอเอฟพี - ทนายความเปิดเผยว่า หญิงสาวชาวซูดานที่เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ และถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิต ในความผิดฐานละทิ้งความเชื่อทางศาสนาอิสลาม ได้ถูกตั้งข้อหาปลอมแปลงเอกสาร ภายหลังพยายามเดินทางออกนอกประเทศ

โมฮาเหน็ด มุสตาฟา ทนายความของหญิงผู้นี้ยืนยันกับเอเอฟพีวานนี้ (25 มิ.ย.) ว่า “เธอถูกจับกุม”

ทางการซูดานตั้งข้อหา มีเรียม ยาเฮีย อิบรอฮิม อิชาก วัย 26 ภายหลังที่เธอถูกเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสกัดพร้อมครอบครัว เพื่อขอตรวจเอกสารที่เธอใช้เดินทางออกนอกซูดานเมื่อวันอังคาร (24) ซึ่งทางการซูดานใต้เป็นผู้ออกให้ ภายหลังที่เธอได้รับการละเว้นโทษประหารชีวิต

มุสตาฟาระบุว่า นอกจากนั้น อิชากยังถูกตั้งข้อหาใช้เอกสารปลอม

เธอถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งชาติซูดานควบคุมตัวที่ท่าอากาศยานกรุงคาร์ทูม แม้ว่าตัวเธอ ลูกๆ และแดเนียล วานี สามีชาวอเมริกันของเธอจะมีนักการทูตสหรัฐฯ เดินทางมาด้วยก็ตาม

วานีกล่าวว่า พวกเขากำลังจะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน พร้อมกับยืนกรานว่า พวกเขาใช้หนังสือเดินทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย

สื่อของทางการรายงานว่า วานนี้ (25) กระทรวงการต่างประเทศซูดาน ได้เรียกตัวอุปทูตสหรัฐฯ และซูดานใต้มาพบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

มารี ฮาร์ฟ ผู้ช่วยโฆษกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า อุปทูตสหรัฐฯ ได้แสดงความกังวลวในเรื่องที่ครอบครัวของเธอควรได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากซูดานโดยเร็ว

เธอกล่าวเสริมว่า “ซูดานรับรองว่า ครอบครัวของเธอปลอดภัยดี ... เรายังคงเฝ้าจับตาดูสถานการณ์และหารือกันถึงประเด็นนี้ต่อไป”

สำนักข่าวซูนารายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศซูดานได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การที่ซูดานใต้ออกใบอนุญาตเดินทางให้ “ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าเธอมีสัญชาติซูดาน” พร้อมทั้งประณามสหรัฐฯ ว่าพยายามช่วยให้หญิงสาวเดินทางออกจากซูดาน “โดยใช้เอกสารเดินทาง (ปลอม)”
อิชาก ถ่ายภาพร่วมกับครอบครัว และทีมที่ปรึกษากฎหมายของเธอ
วานีกล่าวว่า ภรรยาของเขาถูกขู่เอาชีวิต “เราเป็นกังวล และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เราต้องการออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

ศาลชั้นต้นได้ตัดสินลงโทษอิชากด้วยการแขวนคอ ในความผิดฐานละทิ้งความเชื่อทางศาสนาเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม โดยคดีนี้ได้จุดประกายให้เกิดการตั้งคำถามถึงเสรีภาพในการนับถือศาสนาในซูดาน ทั้งยังจุดชนวนให้รัฐบาลชาติตะวันตก ตลอดจนองค์กรคุ้มครองสิทธิมนุษยชนออกมาต่อต้าน

เมื่อวันจันทร์ (23) ศาลอุทธรณ์ปล่อยตัวเธอจากเรือนจำหญิง ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอถูกคุมขังร่วมกับลูกๆ ของเธอ จากนั้นเธอรีบหลบซ่อนตัวในทันที เนื่องจากถูกขู่ฆ่า

อะห์เหม็ด บิลัล ออสมาน รัฐมนตรีกระทรวงข้อมูลข่าวสารซูดานกล่าวกับเอเอฟพีว่า หญิงคนนี้ควรใช้หนังสือเดินทางของซูดาน แต่ทนายความของเธอระบุว่า เธอไม่มีหนังสือเดินทาง

เขากล่าวว่า “ปัญหาทั้งหมดก็คือ เธอใช้หนังสือเดินทางของต่างชาติเพื่อเดินทางออกนอกประเทศ เธอทำผิดกฎหมาย”

อย่างไรก็ตาม ออสมานชี้ว่า สถานการณ์นี้จะได้รับการคลี่คลาย
แดเนียล วานี สามีของอิชากซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในซูดานใต้
*** ปัญหาครอบครัว ***

เกา นัก อุปทูตซูดานใต้ชี้แจงว่า สาเหตุที่อิชากได้รับสิทธิถือหนังสือเดินทางซูดานใต้ ก็เพราะสามีและลูกๆ ของเธอมีสัญชาติซูดานใต้

เขากล่าวกับเอเอฟพีว่า “ผมเป็นคนออกหนังสืออนุญาตเดินทางให้เธอ และผมได้ลงนามรับรองที่ด้านหลังเอกสาร”

ภายหลังถูกสกัดจับที่สนามบิน สามีของเธอ และลูกๆ อีกสองคน ซึ่งรวมถึงคนสุดท้องที่อิชากให้กำเนิดในเรือนจำขณะต้องโทษประหารชีวิต ถูกนำตัวไปยังสถานีตำรวจ ในเขตอาร์กาเวต ของกรุงคาร์ทูม

อิชากยังคงถูกคุมขังอยู่จนถึงตอนนี้

บรรดานักเคลื่อนไหวที่นับถือศาสนาคริสต์กล่าวว่า “ชายที่อ้างตนเป็นพี่ชายของเธอ” ระบุว่าหากเธอพ้นโทษ ครอบครัวของเธอจะเป็นผู้ลงโทษประหารชีวิตเธอเอง

ตามข้อมูลของโบสถ์คริสต์ พ่อของอิชากเป็นมุสลิม และแม่เป็นชาวเอธิโอเปียที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์

เมื่ออิชากอายุได้ 5 ขวบ พ่อของเธอก็ทิ้งครอบครัวไป ปล่อยให้แม่เป็นคนเลี้ยงดูเธอ ทั้งนี้ตามข้อมูลของอัครมุขมณฑลโรมันคาทอลิกในกรุงคาร์ทูม ซึ่งเล่าว่า เธอเพิ่งเข้าร่วมโบสถ์คริสต์คาทอลิกก่อนที่เธอจะแต่งงานได้ไม่นาน

นอกจากนี้อัครมุขมณฑลยังระบุด้วยว่า ผู้ที่ยื่นฟ้องเธอคือชาย “ที่อ้างว่าเป็น” ญาติของเธอ

รัฐมนตรีกระทรวงข้อมูลข่าวสารของซูดานกล่าวว่า “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลซูดาน และไม่ได้อยู่ที่ศาล แต่ปัญหาอยู่ที่ครอบครัวเธอเอง”
กำลังโหลดความคิดเห็น