xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่นประกาศจับมือธนาคารพัฒนาเอเชีย ตั้งกองทุนส่งเสริม “เทคโนโลยีสีเขียว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โนบุเทรุ อิชิฮาระ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น
เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศจับมือธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ตั้งกองทุนพิเศษซึ่งมีเป้าหมายให้บรรดาประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ในภูมิภาคเอเชียกู้ยืมไปลงทุนพัฒนา “เทคโนโลยีสีเขียว” ที่เป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อม

รายงานข่าวล่าสุดยืนยันว่า รัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับทางธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือ “เอดีบี” เพื่อจัดตั้งกองทุนเงินกู้ยืมรูปแบบใหม่ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเอเชีย

ตามข้อตกลงการเป็นพันธมิตรดังกล่าว กระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่นจะเป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลโตเกียวในการประสานความร่วมมือกับทางเอดีบี โดยประเทศต่างๆ ในภูมิภาคที่มีความสนใจกู้ยืมเงินจากกองทุนนี้สามารถนำเสนอโครงการของตนได้ตั้งแต่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าโครงการดังกล่าวจะต้องมีการใช้เทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับสภาวะโลกร้อน ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนต้องไม่ทำให้เกิดการรั่วไหลของสารพิษลงสู่แหล่งน้ำ หรือปล่อยสู่อากาศ

ด้านโนบุเทรุ อิชิฮาระ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่น ออกมาเปิดเผยหลังการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับทาเคฮิโกะ นากาโอะ ประธานเอดีบีซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นในช่วงค่ำวันพุธ (25) ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่ารัฐบาลโตเกียวจะเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านเงินทุนรายใหญ่ต่อการตั้งกองทุนนี้ และในเบื้องต้นคาดว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะจัดสรรงบประมาณก้อนแรกราว 1,800 ล้านเยน (ราว 574 ล้านบาท) ให้กับกองทุนดังกล่าวในปีนี้

ก่อนหน้านี้ สื่อสิ่งพิมพ์ชื่อดังอย่าง “วอลล์สตรีท เจอร์นัล” เคยออกรายงานพิเศษที่ระบุว่า เอเชีย กำลังจะแซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเทคโนโลยีสีเขียว หลังจากรัฐบาลของหลายประเทศในเอเชีย ได้ทุ่มเทงบประมาณของตนไปกับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างขนานใหญ่ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้มีข้อมูลว่า นับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา มูลค่าการลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว เฉพาะของ 3 ประเทศเอเชีย คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้นั้นมีมูลค่าการลงทุนรวมกันสูงถึง 509,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว “16.5 ล้านล้านบาท”


กำลังโหลดความคิดเห็น