เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดียูเครน เปโตร โปโรเชนโก เตือน หากแผนเอที่มีผลบังคับใช้ในวันศุกร์ (20) ที่เป็นขั้นตอนนำสันติภาพโดยการหยุดยิงล้มเหลว โปโรเชนโกจะไม่รีรอที่จะนำแผนบีที่เก็บไว้ขึ้นมาใช้ทันทีเพื่อให้รัฐบาลของเขาสามารถยึดคืนดินแดนจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซีย ในขณะคลื่นอพยพชาวยูเครนจากโดเนตสก์ และลูกานสก์ทะลักเข้ารัสเซีย หนีภัยสงครามแล้วอย่างน้อย 18,000 คน สำนักข่าวอิตาร์ทาสส์ สื่อรัสเซียรายงานในวันนี้ (22)
“แผนการหยุดยิงที่เป็นการดำเนินด้านสันติถือเป็นแผนเอของยูเครน” – ประธานาธิบดียูเครน เปโตร โปโรเชนโก แถลงผ่านเว็บไซต์ของเขา สื่อรัสเซีย RT รายงานวันอาทิตย์(22) “แต่หากใครก็ตามที่ต้องการใช้ข้อตกลงการหยุดยิงเพื่อซื้อเวลาที่จะรวมกลุ่มอีกครั้ง ควรรู้ไว้ด้วยว่าทางรัฐบาลยูเครนได้เตรียมแผนบีไว้แล้ว และไม่รีรอที่จะนำออกมาใช้ แต่ผมจะยังไม่เปิดเผยถึงรายละเอียดแผนบีในเวลานี้ ผมเชื่อมั่นว่าแผนสันติภาพจะต้องได้ผล” โปโรเชนโกกล่าว
ข้อตกลงยุติหยุดยิงในตะวันออกของยูเครนมีผลในวันที่ 20-27 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่เคียฟมีกำหนดจะลงนามข้อตกลงความร่วมมือใกล้ชิดกับสหภาพยุโรป
อย่างไรก็ตาม “กองทัพยูเครนยังสงวนสิทธิ์ที่จะสามารถยิงตอบโต้ได้หากกองกำลังยูเครนหรือพลเมืองยูเครนที่อยู่ในความสงบถูกโจมตี” โปโรเชนโกประกาศในคำสั่งประธานาธิบดีของเขา และตั้งแต่นั้นมาดูเหมือนจะมีความสงบในบางพื้นที่ แต่กองกำลังยูเครนยังคงใช้ยุทโธปกรณ์และการโจมตีทางอากาศในการปะทะกับกลุ่มติดอาวุธต่อต้านเคียฟ
ทั้งนี้ โปโรเชนโกอ้างว่า การหยุดยิงชั่วคราวมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สมาชิกกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียได้วางอาวุธและหนีออกนอกยูเครน หรือไม่เช่นนั้นก็ถูกสังหาร ในขณะเดียวกันแผนการหยุดยิงที่ร่างร่วมกับบรรดาผู้ว่าการในยูเครนตะวันออกจากเคียฟได้ปิดประตูการเจรจากับตัวแทนกลุ่มแยกดินแดนยูเครนตะวันออก
ด้านประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ที่ถึงแม้จะตอบรับแผนการหยุดยิงของโปโรเชนโกได้ให้สัมภาษณ์ว่า แผนสันติภาพที่กางบนโต๊ะไม่ควรตั้งเงื่อนไขให้กับกลุ่มติดอาวุธ โดยเครมลินแถลง “ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ความเป็นปรปักษ์สามารถยุติลงชั่วคราว แต่ควรจะเริ่มให้มีการเจรจาอย่างสร้างสรรค์โดยเร่งด่วนเพื่อบรรลุการยอมรับในการแก้ไขความขัดแย้งของทั้งสองฝ่าย”
และเครมลินยังแถลงต่อว่า แผนที่เสนอจะไม่บรรลุผลและเป็นจริงขึ้นมาหากยังไม่มีขั้นตอนการปฎิบัติที่จะนำไปสู่การตั้งโต๊ะเจรจา การเผชิญหน้ายังคงมีต่อไปและยังมีการยิงออกมาจากฝั่งยูเครนไปและไประเบิดในดินแดนรัสเซีย
ด้านรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลารอฟ ให้ความเห็นว่า ข้อเสนอหยุดยิงของประธานาธิบดีโปโรเชนโกคล้ายกับการยื่นกำหนดเส้นตายให้กับเหล่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนตะวันออกในโดเนตสก์ และลูกานสก์มากกว่าที่จะเสนอเปิดเจรจา
“แผนสันติภาพของยูเครนขาดส่วนประกอบที่สำคัญ ข้อเสนอที่จะนำไปสู่การเปิดเจรจาที่มีที่มาจากแถลงการณ์เจนีวาในวันที่ 17 เมษายนล่าสุด และยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรชาติตะวันตกของเรา ทั้งสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป และรวมถึงตัวแทนจากรัฐบาลยูเครน” ลารอฟแถลงผ่านสำนักข่าวอิตาร์ทาสส์ สื่อรัสเซีย
และลารอฟยังย้ำว่า ยูเครนยังคงยิงอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลกระทบกับดินแดนรัสเซียที่มีพรมแดนยาวติดยูเครน “รัสเซียได้รับสัญญาณเตือน และรู้สึกเป็นห่วงจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับการประกาศหยุดยิงชั่วคราว ที่มีปฎิบัติการทหารยูเครนเกิดขึ้น และส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บในฝั่งรัสเซีย” ลารอฟแถลง
ทั้งนี้ สื่ออิตาร์ทาสส์รายงานในวันนี้ (22) ว่า คลื่นอพยพชาวยูเครนอย่างน้อย 18,000 คนจากโดเนตสค์และลูกานสค์หลั่งไหลข้ามแดนไปหลบภัยในฝั่งรัสเซีย อนาโตลี คูซเนตซอฟ (Anatoly Kuznetsov) ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรัสเซียให้สัมภาษณ์วันอาทิตย์ (22)
“ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนกลายเป็นเขตภัยพิบัติทางมนุษยธรรมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ” คูซเนตซอฟกล่าวในการประชุมกลุ่มคณะทำงานรัฐบาลรัสเซียในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน
มีชาวยูเครนผู้อพยพยร่วม 18,000 คนจากโดเนตสก์ และลูกานสก์หนีภัยสงครามข้ามพรมแดนมาอยู่ในเขตรัสเซียที่มีรอยต่อยูเครน และมีชาวยูเครนอีก 2,000 คนอพยพมาจากเขตอื่นของยูเครน
และคูซเนตซอฟกล่าวต่อว่า “คนพวกนี้หนีภัยสงคราม บางคนเข้ามารอสงครามสงบก่อนอพยพกลับบ้านในขณะอีกหลายคนตั้งใจจะปักหลักในรัสเซีย”
