เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - พ่อเมืองฝีปากกล้าแห่งนครโอซากาจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ระลอกใหม่ โดยอ้างว่าทหารฝ่ายสัมพันธมิตรเคย “ข่มขืน” สตรีฝรั่งเศสระหว่างยกพลขึ้นบกที่แคว้นนอร์มังดีเพื่อปลดปล่อยฝรั่งเศสจากการยึดครองของนาซีเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
หนังสือพิมพ์ไมนิจิ ชิมบุน อ้างคำปราศรัยเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ของ โทรุ ฮาชิโมโตะ นายกเทศมนตรีเมืองโอซากาซึ่งเคยถูกคาดหมายเป็นตัวเก็งนายกรัฐมนตรีแดนปลาดิบ โดยพ่อเมืองรายนี้ชี้ว่า ญี่ปุ่นควรยอมรับความผิดพลาดที่ทำมาในอดีต แต่ชาติอื่นก็เคยก่ออาชญากรรมในช่วงสงครามไม่แตกต่างจากญี่ปุ่นนัก
“หลังยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดี ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรก็ข่มขืนหญิงชาวบ้านในฝรั่งเศส และเมื่อพฤติกรรมเช่นนั้นแพร่หลายเกินไป พวกเขาก็สร้างสถานีผ่อนคลายขึ้นมา” ฮาชิโมโตะ กล่าว โดยพยายามหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่า “ซ่อง”
“นี่คือความจริงทางประวัติศาสตร์ มันเป็นอดีตที่น่าเสียใจ และเราต้องไม่ปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีก”
นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่นักการเมืองชาตินิยมจัดผู้นี้พยายามจะแก้ต่างให้ญี่ปุ่นในประเด็น “สตรีเพื่อการผ่อนคลาย” ซึ่งแดนปลาดิบตกเป็นจำเลยเพียงผู้เดียวในสายตาประชาคมโลก
นักประวัติศาสตร์กระแสหลักชี้ว่า กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นเคยเกณฑ์สตรีท้องถิ่นในเอเชียราว 200,000 คนมาบำเรอความสุขให้ทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงเกาหลี
โตเกียวเคยแถลงขออภัยอย่างเป็นทางการ และยืนยันมาโดยตลอดว่า ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับสตรีเพื่อการผ่อนคลายจบไปตั้งแต่ญี่ปุ่นทำข้อตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ในปี 1967 แต่ทั้งเกาหลีเหนือและใต้ยังอ้างว่าญี่ปุ่น “ไม่สำนึกผิด” เพียงพอ ซึ่งเห็นได้จากการที่นักการเมืองญี่ปุ่นยังออกมาแก้ต่างเรื่องนี้อยู่เสมอ
บรรดานักการเมืองสายอนุรักษ์นิยม รวมถึงนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ มองว่าญี่ปุ่นถูกตำหนิอยู่ฝ่ายเดียวอย่างไม่เป็นธรรม และชี้ว่าอาชญากรรมประเภทนี้เกิดขึ้นแพร่หลายกว่าที่ชาติอื่นๆ จะยอมรับกัน
นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่ปฏิเสธว่าทหารสัมพันธมิตรเคยข่มขืนสตรีท้องถิ่นระหว่างยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วไปว่า กองทัพชาติอื่นได้ก่ออาชญากรรมทางเพศอย่างเป็นระบบ เหมือนเช่นที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นทำ
“ชาวยุโรปและชาวอเมริกันกล่าวหาว่าญี่ปุ่นเกณฑ์ผู้หญิงมาเป็นทาสกาม... เราต้องสั่งสอนให้เยาวชนญี่ปุ่นได้เข้าใจ และสามารถโต้แย้งในเรื่องเหล่านี้ได้” ฮาชิโมโตะ กล่าว
“เราทำผิดก็จริง แต่พวกคุณทั้งหลายก็ไม่ได้ดีไปกว่าเรา”
ฮาชิโมโตะ เคยพูดต่อสาธารณชนเมื่อปีที่แล้วว่า การใช้สตรีบำเรอกามทหารคือสิ่ง “จำเป็น” สำหรับกองทัพในช่วงสงคราม เพราะทหารที่เสี่ยงกับความเป็นความตายอยู่ทุกวันจำเป็นต้องมีตัวช่วยระบายความเครียด และสตรีเพื่อการผ่อนคลายก็คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับปัญหานี้