รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ชาวโคลอมเบียต่างออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดีรอบชี้ขาด ในวันอาทิตย์ (15) โดยการเลือกตั้งที่ถูกระบุว่า มีความสูสีมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษนี้จะเป็นตัวตัดสินว่า กระบวนการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มกบฏ “FARC” ที่นิยมลัทธิมาร์กซิสต์ และจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลมานานกว่า “ครึ่งศตวรรษ” จะประสบความสำเร็จหรือไม่
การเลือกตั้งรอบชี้ขาดซึ่งเป็นการชิงชัยระหว่างประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตส ผู้นำวัย 62 ปี กับผู้สมัครฝ่ายขวาอย่างออสการ์ อิบัน ซูลัวกา วัย 55 ปี ถูกมองว่า ไม่ต่างจากการที่ชาวโคลอมเบียต้องเลือกระหว่าง “สันติ” กับ “สงคราม” โดยประธานาธิบดีซานโตสมีจุดยืนหนุนการเจรจาสันติภาพกับฝ่ายกบฏ ขณะที่ผู้ท้าชิงของเขามีจุดยืนหนุนการใช้กำลังทหารปราบพวกกบฏนิยมซ้ายให้สิ้นซากโดยไม่เจรจา
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีซานโตสได้เปิดการเจรจากับกลุ่มกบฏ “FARC” หรือกองกำลังติดอาวุธเพื่อการปฏิวัติแห่งโคลอมเบียเพื่อหาทางยุติสงครามกองโจรที่คร่าชีวิตชาวโคลอมเบียไปแล้วมากกว่า 200,000 คน นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1964 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ดี ซูลัวกากล่าวหาประธานาธิบดีซานโตสว่ากำลังเจรจากับ “ผู้ก่อการร้าย” ซึ่งเป็นสิ่งที่มิอาจยอมรับได้และถือเป็นการทรยศความไว้วางใจของชาวโคลอมเบียทั้งประเทศ
ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีโคลอมเบียในรอบแรกเมื่อเดือนที่แล้ว ปรากฏว่า ซูลัวกาเป็นฝ่ายที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดที่ร้อยละ 29.3 ขณะที่ประธานาธิบดีซานโตสได้คะแนนตามมาเป็นลำดับที่ 2 ที่ร้อยละ 25.7 และการที่ไม่มีผู้สมัครรายใดได้คะแนนเสียงถึงครึ่งหนึ่ง เป็นเหตุให้ต้องมีการจัดเลือกตั้งรอบชี้ขาดในวันอาทิตย์ (15)