รอยเตอร์ – ริค สก๊อตต์ ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ลงนามรับรองร่างกฎหมายฉบับใหม่ในวันศุกร์ (13) ยกเว้นการทำแท้งในระยะสุดท้ายในกรณีที่แพทย์ลงความเห็นว่าเด็กในครรภ์สามารถรอดชีวิตอยู่ได้นอกครรภ์มารดา ขณะที่บรรดานักวิจารณ์กล่าวว่า กฎหมายใหม่นี้ตัดช่องทางในการเข้าถึงสิทธิการทำแท้งของผู้หญิง
ร่างกฎหมายที่มีเนื้อหากำหนดข้อจำกัดใหม่ของการทำแท้งในลักษณะเช่นเดียวกันนี้ ถูกผลักดันขึ้นมาโดยพวกสมาชิกพรรครีพับลิกันในอีกหลายมลรัฐ โดยที่ในบางรัฐ ร่างกฏหมายในลักษณะนี้ได้ถูกนำเข้าสู่ขั้นตอนการขับเคี่ยวในชั้นศาลแล้ว
ทั้งนี้ กฎหมายในปัจจุบันของรัฐฟลอริดาห้ามการทำแท้งหากอายุครรภ์เกิน 24 สัปดาห์ เว้นแต่ว่าสุขภาพหรือชีวิตของผู้เป็นมารดาจะตกอยู่ในอันตรายหากยังอุ้มท้องต่อไป
กฎหมายใหม่ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนหน้า กำหนดให้ภาวะห้ามทำแท้งขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ว่า ทารกในครรภ์สามารถมีชีวิตรอดและเติบโตต่อไปได้หรือไม่
โดยหากผลการวินิจฉัยชี้ว่า ทารกสามารถมีชีวิตรอดได้ ภาวะห้ามทำแท้งจะถูกรับรองภายใต้กฎหมายใหม่ทันที ยกเว้นแต่กรณีที่แพทย์ 2 คนให้การรับรองเป็นลายลักษณ์อักษรว่าการยุติการตั้งครรภ์เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะรักษาชีวิตคนไข้หรือเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงจากความบกพร่องทางกายภาพซึ่งไม่สามารถฟื้นคืนได้ โดยที่เงื่อนไขทางด้านจิตใจ จะไม่อยู่ในขอบข่ายการพิจารณาของแพทย์
ด้านกลุ่มผู้ที่สนับสนุนกฎหมายนี้ให้เหตุผลว่าตัวยาแผนปัจจุบันได้ช่วยให้การรักษาชีวิตทารกทำได้เร็วขึ้นกว่ามาตรฐาน 28 สัปดาห์สำหรับการยุติการตั้งครรภ์ซึ่งประกาศใช้โดยศาลสูงสหรัฐฯเมื่อปี 1973 อย่างไรก็ดี นักวิจารณ์หลายคนกล่าวหาผู้ว่าการรัฐฟลอริดาและพวกแกนนำฝ่ายนิติบัญญัติของพรรคริพับลิกันว่าขาดความเคารพใน “สิทธิสตรี”
“พวกเขาไม่คิดว่าผู้หญิงควรจะมีสิทธิในการตัดสินใจที่สำคัญด้านสุขภาพ ด้วยตัวของพวกเธอเองได้” บาร์บารา ดีเวน นักล็อบบี้ยิตส์แห่งเมืองแทลลาแฮสซี ซึ่งเป็นตัวแทนองค์การเพื่อสตรีแห่งชาติ (นาว) กล่าว
ดีเวน กล่าวว่า เธอไม่ทราบว่าองค์กรของเธอจะนำประเด็นนี้ขึ้นสู่กระบวนการในชั้นศาลในรัฐฟลอริดาหรือไม่ แต่คาดว่าบรรดาผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยจะออกมาทักท้วงกฎหมายฉบับนี้เป็นแน่