ทั่วโลกจับตาประชุมกลุ่ม “โอเปก” ซาอุฯ ลั่นพร้อมเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันฝ่ายเดียว ชดเชยน้ำมันจากอิรัก-ลิเบีย

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ทางการซาอุดีอาระเบียยืนยันพร้อมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันป้อนตลาดโลกเพียงฝ่ายเดียว เพื่อชดเชยการขาดหายไปของน้ำมันจากลิเบียและอิรัก ชาติสมาชิกโอเปกที่กำลังเผชิญกับปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ

อาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมัน วัย 79 ปีของซาอุดีอาระเบียซึ่งอยู่ในตำแหน่งมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 1995 เผยต่อผู้สื่อข่าวที่กรุงเวียนนาของออสเตรีย ก่อนเข้าร่วมการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันปิโตรเลียมเป็นสินค้าออก (โอเปก) ในวันพุธ (11) โดยยืนยันว่าซาอุดีอาระเบียพร้อมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของตนเพียงฝ่ายเดียวเพื่อชดเชยน้ำมันที่ขาดหายไปจากชาติสมาชิกโอเปก อย่างลิเบียและอิรัก ที่กำลังเผชิญกับภาวะสงครามกลางเมือง และปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ

รัฐมนตรีน้ำมันของซาอุฯ ยืนยันว่า ราชอาณาจักรกลางทะเลทรายของตนมีศักยภาพเพียงพอที่จะผลิตน้ำมันออกสู่ตลาดโลกได้มากถึง “12.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน” ในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นจากกำลังการผลิตในเดือนพฤษภาคมซึ่งอยู่ที่ระดับ 9.67 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ท่าทีล่าสุดของซาอุดีอาระเบียมีขึ้นหลังจากมีความกังวลว่าปัญหาความไม่สงบในลิเบียและอิรัก อาจส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตน้ำมันโดยรวมของกลุ่มโอเปกที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตน้ำมันในสัดส่วนที่สูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของการผลิตน้ำมันทั่วโลก

แหล่งข่าวทางการทูตในกรุงเวียนนาเปิดเผยว่า หัวข้อหลักในการประชุมกลุ่มโอเปกในวันนี้ (11 มิ.ย.) คือ การหารือกันถึงข้อสรุปในเรื่องกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกว่าจะยังคงไว้ตามเป้าหมายเดิมที่ “วันละ 30 ล้านบาร์เรล” ต่อไปหรือไม่ หลังมีแนวโน้มว่า อาจเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันในหลายพื้นที่ของโลกในช่วงปลายปีนี้

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวเผยว่ารัฐมนตรีน้ำมันจากหลายประเทศ รวมถึงอังโกลา และคูเวต ยังคงจุดยืนเดิมในการ “ไม่เพิ่มกำลังการผลิต” เนื่องจากเกรงว่าหากมีน้ำมันดิบออกสู่ตลาดโลกมากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของชาติสมาชิกโอเปก ขณะที่ซาอุดีอาระเบียอาจเสนอให้มีการพิจารณาปรับกำลังการผลิตน้ำมันให้เหมาะสมกับความต้องการในตลาดโลก โดยทางการซาอุฯ พร้อมเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตเพียงฝ่ายเดียว หากข้อเสนอให้กลุ่มโอเปกเพิ่มกำลังการผลิตไม่ได้รับการตอบสนอง

ทั้งนี้ ในปัจจุบันกลุ่มโอเปกมีสมาชิกรวม 12 ประเทศ คือ แอลจีเรีย อังโกลา เอกวาดอร์ อิหร่าน อิรัก คูเวต ลิเบีย ไนจีเรีย กาตาร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวเนซุเอลา และซาอุดีอาระเบีย