เอเอฟพี – หน่วยกู้ภัยปากีสถานนำร่างพนักงานสนามบิน 7 คน ซึ่งถูกไฟคลอกดำเป็นตอตะโกออกจากห้องเย็นของสนามบินกรุงการาจี ที่ถูกเพลิงไหม้ โดยทั้งหมดเข้าไปอาศัยหลบภัยระหว่างที่กลุ่มตอลิบานก่อเหตุกราดยิง และยังโทรศัพท์ติดต่อครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนพบจุดจบอันน่าสยอง ทางการปากีสถานรายงานวันนี้ (10)
การค้นพบศพพนักงานทั้ง 7 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีสนามบินจินนาห์เมื่อคืนวันจันทร์ (9) เพิ่มเป็น 37 ราย
เมื่อค่ำคืนวันจันทร์ (9) ญาติของเหยื่อได้ออกมาชุมนุมประท้วงบนถนนใหญ่ในเมืองการาจี โดยระบุว่า พวกเขาได้รับโทรศัพท์จากบุคคลทั้ง 7 ระหว่างที่กลุ่มติดอาวุธตอลิบานบุกยึดสนามบิน และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือพนักงานเหล่านี้
โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นทำให้กระบวนการสันติภาพระหว่างรัฐบาลนายกรัฐมนตรี นาวาซ ชารีฟ กับกลุ่มตอลิบานล่มสลายไม่มีชิ้นดี และยังก่อให้เกิดคำถามตามมาว่า เหตุใดกลุ่มติดอาวุธจึงสามารถเล็ดรอดเข้าไปในสนามบินนานาชาติ ณ เมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของปากีสถานได้อย่างง่ายดาย
“เราพบร่างผู้เสียชีวิตอีก 7 ศพ อยู่ภายในห้องเย็นซึ่งถูกเพลิงไหม้” ดร.ซาเกียร์ อาเหม็ด รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขประจำจังหวัด ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน พร้อมเผยว่า ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินจินนาห์สูญหายอีก 1 คน
อาเหม็ด อธิบายว่า ห้องเย็นซึ่งปกติจะตั้งอุณหภูมิไว้ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งเพื่อเก็บอาหารสด เกิดกระแสไฟฟ้าดับระหว่างที่สนามบินถูกโจมตี
ห้องเย็นนี้อยู่ติดกับอาคารผู้โดยสารสำหรับชาวมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธัฮัจญ์ที่นครเมกกะ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายจุดที่กลุ่มตอลิบานใช้เป็นช่องทางแทรกซึมเข้าสู่สนามบิน
ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดประกอบด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามบิน 11 คน, กองกำลังกึ่งทหาร 1 นาย, ตำรวจ 1 นาย, พนักงานพลเรือน 14 คน และกลุ่มติดอาวุธอีก 10 คน
เหตุการณ์นี้นับเป็นปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดของตอลิบาน ถัดจากเหตุระเบิดรถยนต์กลางตลาดคิซซาควานีในเมืองเปชวาร์เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนไปอย่างน้อย 42 ราย
สนามบินจินนาห์อยู่ห่างเพียง 3 กิโลเมตรจากฐานทัพเรือเมห์รานในนครการาจี ซึ่งเคยถูกกลุ่มตอลิบานบุกยึดเมื่อ 3 ปีก่อน ครั้งนั้นกลุ่มติดอาวุธได้ทำลายเครื่องบินโอไรออนที่ผลิตในสหรัฐฯไป 2 ลำ และสังหารทหารไปอีก 10 นาย โดยใช้เวลาปฏิบัติการ 17 ชั่วโมง
