เอเอฟพี – รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์เตือนพลเมืองที่เดินทางไปต่างแดนให้ใช้วิจารณญาณในการติดต่อสถานกงสุล หลังพบเจ้าหน้าที่ถูกร้องขอให้ช่วยใน “เรื่องไม่เป็นเรื่อง”
เค. ชานมูกัม รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีกฎหมายสิงคโปร์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า การเดินทางไปต่างประเทศของชาวสิงคโปร์เพิ่มเป็น 7 ล้านครั้ง ในปี 2013 เมื่อเทียบกับสถิติ 3.6 ล้านครั้งเมื่อช่วง 10 ปีที่แล้ว
พลเมืองสิงคโปร์แท้ๆ มีอยู่เพียง 3.31 ล้านคน หรือราว 60 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด 5.4 ล้านคนที่อาศัยอยู่บนเกาะศูนย์กลางธุรกิจและการเงินแห่งนี้
“ปีที่แล้วมีพลเมืองขอความช่วยเหลือจากสถานกงสุลในต่างประเทศราวๆ 3,000 กรณี ส่วนใหญ่ก็เป็นความเดือดร้อนจริง แต่บางครั้งเจ้าหน้าที่ก็ถูกขอให้ช่วยในเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ชานมูกัม ระบุ
เขายกตัวอย่างชายชาวสิงคโปร์คนหนึ่งที่ขอให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยดำเนินการ “ขอเงินคืน” หลังจากที่ตนไปซื้อบริการทางเพศผิดกฎหมาย
“เขาไม่พอใจในบริการที่ได้รับ เราก็ต้องแจ้งกลับไปว่า เรื่องแบบนี้กระทรวง คงช่วยไม่ได้”
กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ยังปฏิเสธที่จะแทรกแซง เมื่อพลเมืองคนหนึ่งร้องเรียนว่าตนถูกเลือกปฏิบัติเพราะเรื่องเชื้อชาติ
“ชายคนนี้อ้างว่า เขาไปซื้อไก่ทอดเคเอฟซี แล้วได้ชิ้นเล็กกว่าคนท้องถิ่น... จึงต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศเข้ามาสอบสวนคืนความยุติธรรมให้” ชานมูกัม เผย
อีกกรณีหนึ่ง ชายชาวสิงคโปร์ได้ขอให้เจ้าหน้าที่สถานกงสุลช่วยโน้มน้าวหญิงชาวต่างชาติให้หย่ากับสามี เพื่อมาแต่งงานกับตน
“จริงอยู่ว่ารัฐบาลอยากให้ชาวสิงคโปร์แต่งงานและมีบุตร แต่ก็ต้องมีข้อจำกัดบ้าง... เราต้องแยกแยะให้ออกระหว่างความรับผิดชอบส่วนตัว กับสิ่งที่ไม่ใช่”
ถ้อยแถลงจากรัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ถูกแชร์อย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งถึงกับบอกว่า มันเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึง “ความโรคจิตอยากได้สิทธิของชาวสิงคโปร์บางคน”