เอเอฟพี – มิชชันนารีชาวเกาหลีใต้ถูกศาลเกาหลีเหนือตัดสินใช้แรงงานหนัก “ตลอดชีวิต” ฐานเป็นสายลับและลักลอบก่อตั้งองค์กรศาสนา ซึ่งนับเป็นชาวคริสต์รายล่าสุดที่ตกเป็นเหยื่อในรัฐเผด็จการโสมแดง
ระหว่างการพิจารณาคดีในศาลเมื่อวานนี้ (30) อัยการโสมแดงได้ร้องขอให้ศาลตัดสินประหารชีวิต คิม จอง-วุก หรือที่สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือสะกดชื่อว่า คิม จอง-อุ๊ก
อย่างไรก็ตาม เคซีเอ็นเอ ชี้ว่า คิม ได้ยอมรับสารภาพข้อหาบ่อนทำลายรัฐ, จารกรรม, เผยแพร่คำโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐบาลเกาหลีเหนือ, เข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย และ “สำนึกผิดอย่างจริงใจ”
“ผู้ต้องหาได้ยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา... เขาใช้กิจกรรมทางศาสนาต่อต้านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ทำลายเกียรติยศของท่านผู้นำสูงสุดในต่างแดน และพยายามลักลอบเข้ามาในเปียงยางเพื่อก่อตั้งโบสถ์ ซึ่งจะใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจการภายในของเกาหลีเหนือ หลอกลวงพลเมืองให้หลบหนีไปยังเกาหลีใต้ และสอดแนมรัฐบาลเกาหลีเหนือ”
แม้รัฐธรรมนูญเกาหลีเหนือจะรับรองเสรีภาพในการนับถือศาสนา แต่ในทางปฏิบัติก็ไม่ใช่เช่นนั้น พิธีกรรมทางศาสนายังถูกจำกัดอยู่เฉพาะคนบางกลุ่มที่ได้รับอนุญาตและเกี่ยวข้องโดยตรงกับรัฐบาล
เปียงยางเกรงว่า มิชชันนารีต่างชาติอาจปลุกปั่นยุยงให้พลเมืองโสมแดงลุกขึ้นก่อความไม่สงบ และผู้ใดก็ตามที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมซึ่งรัฐบาลไม่อนุญาตก็จะถูกจับกุมทันที
รายงานระบุว่า ศาลสูงสุดเกาหลีเหนือตัดสินให้ คิม ใช้แรงงานหนักตลอดชีวิต แทนการถูกประหาร
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ กระทรวงการรวมชาติเกาหลีใต้ได้ส่งหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลโสมแดงปล่อยตัวพลเมืองโสมขาวรายนี้ทันที แต่ก็ถูกปฏิเสธ
นักสิทธิมนุษยชนและครูสอนศาสนาคนอื่นๆ เล่าว่า คิม ได้จัดหาที่พักและอาหารให้แก่ผู้ลี้ภัยเกาหลีเหนือที่อาศัยอยู่ในเมืองตานตงบริเวณชายแดนตะวันออกเฉียงเหนือของจีนมาประมาณ 7 ปีแล้ว
คิม ตัดสินใจข้ามแม่น้ำยาลูไปยังฝั่งเกาหลีเหนือเมื่อเดือนตุลาคมปี 2013 เพื่อตามหาผู้ลี้ภัยโสมแดงบางคนที่ถูกทางการจีนจับกุมในเมืองตานตง และส่งตัวกลับประเทศ
ที่ผ่านมา มีครูสอนศาสนาคริสต์หลายคนถูกจับกุมในเกาหลีเหนือ โดยส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกัน แต่บางรายก็ได้รับการปล่อยตัวกลับบ้านเกิด เนื่องจากบุคคลสำคัญของสหรัฐฯ ยื่นมือเข้าช่วยเจรจา