รอยเตอร์ส/เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ในวันศุกร์ (30) วางเป้าผลักดันให้ญี่ปุ่นมีบทบาทมากขึ้นในด้านความมั่นคงของภูมิภาค และบอกว่าโตเกียวจะให้ความสนับสนุนอย่างสุดกำลังแก่ชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหลายประเทศมีประเด็นข้อพิพาททางทะเลกับจีน ซึ่งเป็นคู่อริตัวยงของพวกเขา
ในการเปิดเผยถึงแนวทางการถ่วงดุลอิทธิพลของจีนที่ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ในแบบฉบับของโตเกียว นายอาเบะเสนอให้ความช่วยเหลือแก่พันธมิตรทั้งหลายแหล่ในภูมิภาค เพื่อรับประกันความมั่นคงทางทะเลและอากาศ โดยระบุว่าญี่ปุ่นและสหรัฐฯ พร้อมเพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงกับออสเตรเลียและอาเซียน “ญี่ปุ่นมีความตั้งใจแสดงบทบาทเชิงรุกให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เพื่อสร้างสันติภาพในเอเชียและแน่นอนว่า แก่โลกใบนี้ด้วย” อาบะ กล่าวบรรยาย ณ ที่ประชุมประจำปีด้านความมั่นคงเอเชียในสิงคโปร์
อาเบะเผยว่าญี่ปุ่นจะจัดเรือลาดตระเวนยามชายฝั่งใหม่ 10 ลำ แก่ฟิลิปปินส์ หนึ่งในชาติที่มียุทโธปกรณ์กองกำลังความมั่นคงล้าสมัยที่สุดของเอเชีย หลังจากได้มอบแก่อินโดนีเซียไปก่อนหน้าแล้ว ขณะที่ เวียดนาม ก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับความช่วยเหลือแบบเดียวกัน
จีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด และปฏิเสธการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่บางส่วนของทะเลจีนใต้จากเวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน มาเลเซีย และบรูไน ขณะที่ปักกิ่งยังมีข้อพิพาททางทะเลในประเด็นอื่นกับญี่ปุ่น เกี่ยวกับหมู่เกาะต่างๆ ในทะเลจีนตะวันออก
นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นยังกล่าวเน้นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศต่างๆ ต้องเคารพกฎหมายสากล ซึ่งถูกหยิบยกมาประณามท่าทีรุกรานทางทหารของจีนบ่อยครั้ง “ญี่ปุ่นจะเสนอมอบการสนับสนุนขั้นสูงสุดแก่ประเทศต่างๆ ในอาเซียน ขณะที่พวกเขามีภาระรับประกันความมั่นคงทางทะเลและอากาศ เพื่อธำรงไว้ซึ่งเสรีภาพของการเดินเรือและเสรีภาพของการบิน”
คำกล่าวของอาเบะ สอดคล้องกับความพยายามของเขาที่ประสงค์ผลักดันให้มีการยกเลิกข้อจำกัดทางทหารยุคหลังสงคราม และตีความรัฐธรรมนูญที่ห้ามกองทัพญี่ปุ่นทำสงครามนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
รัฐธรรมนูญที่ร่างตามคำสั่งของสหรัฐหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 บัญญัติไว้ว่า ชาวญี่ปุ่นไม่ขอทำสงครามตลอดกาล และจะไม่มีกำลังทหารทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมถึงศักยภาพในการทำสงครามอื่นๆ
ในส่วนของสหรัฐฯ ก็แสดงการสนับสนุนจุดยืนล่าสุดของนายอาเบะ โดย นายชัค เฮเกล และ พลเอก มาร์ติน เดมพ์ซีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม ได้พบปะกับนายอาเบะ ไม่นานก่อนที่เขาจะกล่าวปราศรัย ทั้งนี้ นายเฮเกล ได้นำความปรารถนาดีจากประธานาธิบดี บารัค โอบามา มาถ่ายทอดต่อ และบอกว่า “เราสนับสนุนคุณให้ทำตามในสิ่งที่คุณริเริ่ม”
อย่างไรก็ตาม ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่น มึนตึงจากข้อพิพาทเกี่ยวกับหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออกและมรดกแห่งการรุกรานสมัยสงครามของโตเกียว ทางผู้แทนของปักกิ่งที่ร่วมประชุมในสิงคโปร์ ได้โต้แย้งว่าเป็นญี่ปุ่นเอง ที่กำลังก่อความเสี่ยงร้ายแรงแก่ภูมิภาค ด้วยการยกข้อพิพาททางทะเลระหว่างสองชาติให้ดูรุนแรงเกินจริง
“เขาทำมันให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้น ด้วยบอกว่าจีนกำลังเป็นภัยคุกคามต่อประเทศญี่ปุ่น” ฟู่ หยิง ประธานคณกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของรัฐสภาจีน พูดโต้แย้งก่อนทีนายอาเบะจะกล่าวปราศรัย “จากนั้น เขาก็ยกมันนำมาเป็นข้ออ้าง ในความพยายามปรับเปลี่ยนนโยบายความมั่นคงของญี่ปุ่น ซึ่งมันกำลังก่อความมั่นคงต่อภมิภาคและต่อจีนด้วย”
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา จีนทำแท่นขุดเจาะน้ำมันขนาดยักษ์เข้าไปจอดในน่านน้ำข้อพิพาท ซึ่งเวียดนามอ้างกรรมสิทธิ์เช่นกัน เป็นชนวนเหตุให้เรือจากสองประเทศหลายสิบคนห้อมล้อมแท่นขุดเจาะน้ำมันดังกล่าว
ในวันอังคาร (27) ฮานอยกล่าวหาว่าเรือประมงลำหนึ่งของเวียดนามถูกเรือของจีนจำนวนถึง 40 ลำ เข้ารุมล้อมและโจมตีเมื่อบ่ายวันจันทร์ (26 พ.ค.) จนกระทั่งจมลง แต่ลูกเรือ 10 คนได้รับการช่วยเหลือจากเรือประมงเวียดนามด้วยกันที่อยู่ในบริเวณนั้น
เหตุปะทะกันจนถึงขั้นเรือจมคราวนี้ นับเป็นครั้งแรกหลังจากที่กรณีพิพาทช่วงชิงดินแดนในทะเลจีนใต้ระหว่างสองประเทศได้ปะทุเดือดขึ้นมาตอนต้นเดือนนี้ จากการที่จีนเคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะน้ำมันเข้ามา ยังผลให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างเรือจำนวนเป็นสิบๆ ลำของทั้งสองฝ่าย โดยมีรายงานว่าได้เกิดเหตุเรือชนกระแทกกันตลอดจนมีการใช้เครื่องฉีดน้ำกำลังแรงเข้าใส่กัน
นอกจากนั้นแล้ว กรณีนี้ยังก่อให้เกิดกระแสประท้วงต่อต้านจีนขึ้นในหมู่ชาวเวียดนาม ซึ่งลุกลามถึงขั้นเป็นเหตุจลาจลในหลายเมืองของเวียดนาม สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ปักกิ่งรายงานว่า คนงานจีนเสียชีวิต 4 ราย ขณะที่เวียดนามให้ตัวเลข 3 ราย
ขณะที่ฟิลิปปินส์และฮานอย ประณามพฤติกรรมทางทะเลของจีนอย่างดุเดือด ประเทศอื่นๆ อย่างมาเลเซีย ก็แสดงความกังวลต่อกระแสโกรธแค้นจีน เนื่องจากพวกเขามีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับปักกิ่งอย่างลึกซึ้ง “รัฐบาลของผมสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อความพยายามของฟิลิปปินส์ ที่เรียกร้องให้มีการคลี่คลายข้อพิพาทในทะเลจีนใต้” อาเบะระบุ “ขณะเดียวกัน เราก็สนับสนุนเวียดนาม ที่พยายามคลี่คลายปัญหานี้ผ่านการเจรจา”