เอเอฟพี – กิจกรรม “ยั่วยุ” ของทหารอเมริกันภายในหมู่บ้านซึ่งเป็นเขตปลอดทหารตรงพรมแดนสองเกาหลี อาจก่อให้เกิดการปะทะทางทหารอย่าง “รุนแรง” ทางการเกาหลีเหนือแถลงเตือน วันนี้ (27)
คำเตือนดังกล่าวมาจากผู้บัญชาการกองกำลังโสมแดงซึ่งประจำการอยู่ที่หมู่บ้านปันมุนจอม หมู่บ้านชายแดนซึ่งเคยเป็นสถานที่ลงนามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ จนทำให้สงครามเกาหลียุติลงได้ในปี 1953
หมู่บ้านแห่งนี้ยังเป็นสถานที่จัดการเจรจาระหว่างเกาหลีเหนือและใต้มาตลอดหลายสิบปี และได้รับการคุ้มกันอย่างเข้มงวด โดยทหารฝ่ายโสมขาวและสหรัฐฯจากกองบัญชาการสหประชาชาติ (ยูเอ็นซี) จะประจำการอยู่ในฝั่งใต้
ผู้บัญชาการกองกำลังโสมแดงซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ชี้ว่า กิจกรรมของทหารอเมริกันเสี่ยงที่จะบั่นทอนความสงบของพื้นที่อ่อนไหวแห่งนี้ โดยอ้างถึงการก่อสร้างหอสังเกตการณ์ที่ติดตั้งอุปกรณ์สอดแนมอันซับซ้อน และอาจถูกใช้เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือ
เขาชี้ว่า สิ่งก่อสร้างเช่นนี้อาจเป็นต้นตอการกระทบกระทั่ง เมื่อพิจารณาถึงความอ่อนไหวของพื้นที่ซึ่งมีทหารเกาหลีเหนือและใต้ยืนคุมเชิงกันอยู่ตลอดเวลา
“อุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย หรือพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ อาจนำมาสู่เหตุปะทะที่รุนแรง”
แม้เกาหลีเหนือจะแถลงประณามการส่งทหารสหรัฐฯเข้าไปประจำการในเกาหลีใต้อยู่เป็นประจำ แต่ไม่บ่อยนักที่โสมแดงจะพุ่งประเด็นไปที่กิจกรรมทางทหารในหมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งเป็นสถานที่เพียงไม่กี่แห่งที่สองเกาหลีใช้สื่อสารข้ามแดน
โฆษกยูเอ็นซีออกมาปฏิเสธความกังวลของเกาหลีเหนือ โดยชี้ว่าหอสังเกตการณ์ถูกสร้างขึ้น “เพื่อใช้ในการตรวจตราตามปกติ” เท่านั้น
ผู้บัญชาการกองกำลังโสมแดงยังอ้างถึง “การกระทำชั่วร้าย” ของทหารสหรัฐฯ เช่น การส่งข้อความ “ที่มีเนื้อหาบิดเบือน” ข้ามพรมแดนด้วยเครื่องขยายเสียงและจดหมาย ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้เกิดบ่อยขึ้น นับตั้งแต่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เดินทางมาเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน
โอบามา ประณามเกาหลีเหนือว่าเป็น “รัฐนอกคอก” ที่กำลังเดินไปใน “เส้นทางสู่ความโดดเดี่ยว”
สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสองเกาหลียกระดับขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลโซลได้กล่าวหาว่าเรือรบโสมแดงยิงลูกปืนใหญ่ไปตกใกล้ๆ กับเรือตรวจการณ์ขนาดเล็กของเกาหลีใต้ ซึ่งเมื่อเปียงยางปฏิเสธก็ถูกตอกกลับว่า “โกหกหน้าด้านๆ”