เอเอฟพี - สหรัฐฯ ระงับความช่วยเหลือแก่ไทย 3.5 ล้านดอลลาร์ (ราว 113 ล้านบาท) หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของความช่วยเหลือทั้งหมดที่มอบกับพันธมิตรเก่าแก่แห่งนี้ ตามหลังกองทัพไทยก่อรัฐประหารยึดอำนาจ ขณะเดียวกันก็บอกว่ากำลังทบทวนตัดงบอุดหนุนส่วนอื่นๆ เพิ่มเติม
แมรี ฮาร์ฟ โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่า นอกจากระงับความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ทางสหรัฐฯยังกำลังทบทวนงบช่วยเหลือส่วนที่เหลือทั้งหมด ซึ่งมอบให้แก่ไทยรวม 10.5 ลานดอลลาร์ (ราว 340 ล้านบาท) ในปี 2013 ในความเป็นไปได้ที่จะตัดความช่วยเหลือเพิ่มเติม
“เราระงับความช่วยเหลือราว 3.5 ล้านดอลลาร์เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการฝึกร่วมกับทหารไทย” ฮาร์ฟบอกกับผู้สื่อข่าว “และเวลานี้เรากำลังทบทวนทุกๆ โครงการ เพื่อสรุปว่าเราจะมีการระงับความช่วยเหลืออื่นๆ อีกหรือไม่” เธอกล่าว
นอกจากนี้ ฮาร์ฟ บอกต่อว่า สหรัฐฯกำลังตรวจสอบเงินทุนที่อเมริกาจัดสรรให้องค์กรระหว่างประเทศ ในนั้นรวมถึงกลุ่มอาเซียน 10 ชาติ เพื่อจำแนกแยกแยะว่าเงินส่วนใดบ้างที่ส่งตรงถึงไทย
โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ทางการสหรัฐฯ มีการติดต่อกับเหล่าผู้นำคณะรัฐประหารของไทย และได้ส่งสารแสดงจุดยืนของอเมริกาเรียบร้อยแล้ว “เราเรียกร้องขอไทยคืนสู่การปกครองโดยพลเรือนโดยทันที คืนสู่ประชาธิปไตย และแน่นอนว่าต้องเคารพสิทธิมนุษยชนในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนนี้”
ภายใต้กฎหมายภายใน สหรัฐฯมีพันธะต้องระงับความช่วยเหลือแก่กองทัพต่างชาติ หากพบว่าทหารของประเทศนั้นๆก่อรัฐประหาร โดยหนล่าสุดที่วอชิงตันเคยระงับเงินช่วยเหลือแก่ไทย เกิดขึ้นหลังจากเหตุรัฐประหารโค่นอำนาจอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ในปี 2006
ก่อนหน้านี้ ในวันพฤหัสบดี (22) นายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามเหตุรัฐประหารในไทยอย่างรุนแรง โดยบอกว่ามิอาจหาเหตุผลใดมาอ้างความชอบธรรมได้ และความเคลื่อนไหวดังกล่าวรังแต่จะส่งผลกระทบทางลบในความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ
นายเคร์รี เรียกร้องให้ไทยคืนสู่การปกครองโดยรัฐบาลพลเรือน รวมถึงเคารพต่อสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน และขอให้มีการเลือกตั้งที่สะท้อนถึงเจตจำนงของประชาชน