เอเอฟพี - นาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เว้นระยะห่างจากความขัดแย้งด้านอาณาเขตที่ขยายวงขึ้นเรื่อยๆ ในเอเชีย ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของญี่ปุ่น ว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเขากับจีน ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ผิดกับทางสิงคโปร์ที่แสดงความกังวลต่ออำนาจของปักกิ่งที่ชักมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคเลวร้ายลง
“เราต้องมองภาพกว้างและไม่กำหนดความสัมพันธ์กับจีนจากพื้นฐานแค่ประเด็นเดียว เราต้องมองไปที่ขอบเขตความสัมพันธ์อย่างกว้างๆ และยอมรับถึงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างเรากับจีน” นาจิบให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิกเกอิในวันพฤหัสบดี (22) “เราไม่ต้องการให้ประเด็นด้านอาณาเขตเป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์ที่เติบโตขึ้นระหว่างมาเลเซียกับจีน” นายกรัฐมนตรีบอกระหว่างเยือนญี่ปุ่น
ข้อความเห็นดังกล่าวมีขึ้นขณะที่เวียดนามและฟิลิปปินส์ สองชาติสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เช่นเดียวกับมาเลเซีย กำลังตกอยู่ท่ามกลางข้อพิพาทกับจีนคนละกรณี แต่กรณีที่ปักกิ่งเข้าควบคุมพื้นที่บางส่วนของทะเลจีนใต้
ความตึงเครียดในภูมิภาคพุ่งสูงขึ้่น หลังการเกิดจลาจลนองเลือดต่อต้านจีนในเวียดตาม ต่อกรณีที่จีนเคลื่อนแท่นขุดเจาะน้ำมันเข้าไปยังน่านน้ำพิพาท ขณะที่กัวลาลัมเปอร์ และปักกิ่ง ต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์เหนือขอบเขตบางส่วนของทะเลจีนใต้ ซึ่งเชื่อว่าอุดมไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม นายนาจิบ บอกปัดความขัดแย้งดังกล่าวขณะที่เขาหวังสานสัมพันธ์ใกล้ชิดขึ้นกับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย
นอกจากนี้ รัฐบาลของนายนาจิบ ยังพยายามปัดเป่าความโกรธเคืองของชาวจีนต่อการสูญหายของเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ด้วยผู้โดยสาร 2 ใน 3 จากทั้งหมด 227 คนเป็นคนจีน
โดยในวันพฤหัสบดี (22) นายนาจิบ กล่าวว่า “เราจำเป็นต้องใส่ใจหลักการพื้นฐานต่างๆ ซึ่งความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีคือความเสมอภาคทางอธิปไตย เคารพต่อบูรณภาพแห่งดินแดน คลี่คลายความขัดแย้งอย่างสันติ และผลประโยชน์ร่วมกัน” พร้อมระบุว่าข้อพิพาทด้านทรัพยากรควรคลี่คลายผ่านกฎหมายสากล ไม่ใช่มาตรการทางเศรษฐกิจและทางทหาร
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ลีเซียงลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ กล่าว ณ ที่ประชุมเดียวกัน บอกว่าอนาคตของเอเชียอาจไปในทิศทางหนึ่งทางใดในสองแนวทางนี้ หนึ่งซึ่งเขามองในทางบวก ก็คือการขยายอิทธิพลของจีน อยู่ในฐานะอำนาจที่ไม่อันตรายแบบเดียวกับอเมริกา และด้วยสภาพแวดล้อมทางยุธศาสตร์ที่เสถียรแบบนั้น จะช่วยผสมผสานเศรษฐกิจของภูมิภาคให้เติบโตรวดเร็วขึ้น แต่ในกรณีที่มีความปราณีน้อยกว่า อำนาจที่เติบโตอย่างมากของจีนอาจหนักหนาเกินกว่าภูมิภาตนี้จะปรับตัวไหว”
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์บอกต่อว่าหากปราศจากความไว้เนื้อเชื่อใจในภูมิภาค ความตึงเครียดเกี่ยวกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้และทะเลจีนจะวันออก ก็จะค่อยๆเสื่อมทรามลงไป อันเป็นผลมาจากประเด็นทางประวัติศาสตร์ ข้อพิพาททางอาณาเขตและลัทธิชาตินิยม “ลัทธิชาตินิยมกำลังเติบโตขึ้นในหลายประเทศของเอเชีย ดังที่เราได้เห็นจากประท้วงต่อต้านจีนในเวียดนาม”