เอเอฟพี - เอเอฟพียังคงเกาะติดสถานการณ์หลังกองทัพบกประกาศกฎอัยการศึกเมื่อเวลา 3.00 น. ที่ผ่านมาอย่างใกล้ชิด พร้อมนำเสนอแง่มุมต่างๆ ที่น่าสนใจในสายตาของชาวต่างชาติที่อาจงวยงง เมื่อพบคนไทยบางส่วนเพลิดเพลินกับถ่ายรูปคู่กับทหารติดอาวุธ และผู้คนที่เดินผ่านไปมาพากันจับจ้องกลุ่มทหาร และรถจี๊ปติดปืนกลที่แล่นไปตามถนนสายต่างๆ ของกรุงเทพมหานครเมื่อช่วงรุ่งเช้าของวันนี้ (20 พ.ค.) ชนิดตาไม่กะพริบ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของคนไทยที่เกิดขึ้นจริงในช่วงที่สถานการณ์การเมืองกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ขบวนทหารที่ปิดกั้นเส้นทางจราจร แนวกำบังกระสอบทราย และเหตุรุนแรงที่ปะทุอยู่เป็นระยะๆ ได้กลายเป็นสิ่งปกติธรรมดาในช่วง 7 เดือนของการต่อสู้โค่นล้มรัฐบาล ที่ส่งผลให้คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เคยชินกับสภาวะสับสนอลหม่านเช่นนี้
เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (20) ทหาร 3 นายที่สวมเสื้อเกราะและถือปืนกล ประจำการข้างรถจี๊ป ณ สี่แยกใจกลางเมือง ยอมถ่ายรูปกับผู้ที่สัญจรไปมาด้วยกิริยาสุภาพ ขณะที่กำลังมีการประโคมข่าวกองทัพประกาศกฎอัยการศึก
ชายคนหนึ่งร้องตะโกนว่า “สู้ๆ” ขณะขับรถจักรยานยนต์ผ่านกลุ่มทหาร ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชี้ว่า ประชาชนบางส่วนสนับสนุนให้กองทัพเข้าแทรกแซงสถานการณ์บ้านเมือง
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 1932 เป็นต้นมาก กองทัพได้ก่อรัฐประหาร หรือพยายามทำรัฐประหารมาแล้ว 18 ครั้ง โดยที่ประชาชนบางส่วนมองว่า เป็นวิธีการคืนเสถียรภาพให้แก่อำนาจ ขณะที่การเมืองไทยกำลังระส่ำระสาย
แม้จะมีทหารกลุ่มเล็กๆ ประจำการตามถนนสายหลักทั่วเมืองหลวง แต่คนส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ ก็ยังไปทำงานกันตามปกติ
ขณะที่การปรากฏตัวตามท้องถนนของทหารติดอาวุธอาจเพิ่มความเสี่ยงให้แก่รัฐบาลรักษาการณ์ ที่กำลังถูกบ่อนทำลายอำนาจอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่ได้รบกวนจิตใจของคนไทยจำนวนมาก
นอกจากนี้ หลายคนที่ให้สัมภาษณ์เอเอฟพี เพิ่งทราบว่ามีการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อตกบ่ายวันนี้ (20) แม้ว่าจะเป็นการมอบอำนาจให้แก่ทหารโดยทั้งหมด เป็นต้นว่า สิทธิในการสลายกลุ่มผู้ประท้วง การตรวจค้นและจับกุม การควบคุมสื่อ ตลอดจนการประกาศเคอร์ฟิว
เป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วที่มีทหารไม่ติดอาวุธประจำการอยู่ตามแนวกระสอบทรายหลายสิบจุดทั่วทั้งกรุงเมืองหลวง
นอกจากนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้าจับจองพื้นที่ตามแยกต่างๆ ในย่านสำคัญ สวนสาธารณะใจกลางเมือง และอาคารหน่วยงานรัฐบาล เพื่อจัดการประท้วงอย่างอึกทึก สีสันตระการตา ซึ่งกลายเป็นภาพที่เห็นเป็นประจำในกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ กลุ่มผู้ประท้วงยังตกเป็นเหยื่อในเหตุกราดยิงและขว้างระเบิด ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 28 คน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคน
ทั้งนี้ กรุงเทพฯ เผชิญกับเหตุนองเลือดมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง นับตั้งแต่ปี 2006 ที่กองทัพทำรัฐประหารอย่างสงบเพื่อยึดอำนาจ ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น
ยังมีรายงานออกมาว่า ทหารได้วางกำลังล้อมการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งก่อนหน้านี้เดินขบวนประท้วงแถบชานเมืองนานหลายวัน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานว่าเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดใดๆ แม้ว่าการ์ดกลุ่มเสื้อแดงจะยังคงตรวจค้นรถทุกคันที่ผ่านเข้าไปในพื้นที่ประท้วงโดยละเอียด
มีการออกอากาศคำแถลงของกองอำนวยการรักษาความสงบภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกสลับกับรายการปกติของสถานีโทรทัศน์
ช่องโทรทัศน์ดาวเทียมหลายช่องถูกสั่งให้ระงับการออกอากาศ โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ที่เป็นตัวแทนผู้ประท้วงทั้งสองฝ่ายซึ่งเกาะติดการชุมนุมตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม กองทัพปฏิเสธว่า การประกาศกฎอัยการศึกไม่เหมือนการทำรัฐประหาร แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการประกาศครั้งนี้จะมีผลนานเท่าใด