xs
xsm
sm
md
lg

‘ม็อบแอนตี้จีน’ ก่อจลาจลเผาโรงงานใน ‘เวียดนาม’

เผยแพร่:   โดย: วิทยุเอเชียเสรี

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

Anti-China mobs torch factories in Vietnam
By Radio Free Asia
15/05/2014

ฝูงชนแอนตี้จีน พากันจุดไฟเผาและปล้นสะดมโรงงานหลายแห่งที่เป็นของคนต่างชาติในเวียดนาม เพื่อแสดงความโกรธกริ้วต่อการที่แดนมังกรเคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะน้ำมันเข้ามาในน่านน้ำพิพาทในทะเลจีนใต้ การประท้วงอันดุเดือดรุนแรงเช่นนี้ทำให้การผลิตของบริษัทจำนวนมากในนครโฮจิมินห์ถึงขั้นชะงักงัน ขณะที่ตำรวจทำการจับกุมผู้ก่อเหตุไป 700 รายและแถลงว่ามีพวกคนงานวางเพลิงเผาโรงงานไปอย่างน้อย 15 แห่ง ตลอดจนเข้าปล้นชิงอีกหลายร้อยแห่ง

ฝูงชนต่อต้านจีน พากันจุดไฟเผาและปล้นสะดมโรงงานหลายแห่งที่เป็นของคนต่างชาติในเวียดนาม เพื่อแสดงความโกรธกริ้วต่อการทีแดนมังกรเคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะน้ำมันเข้ามาในน่านน้ำพิพาทในทะเลจีนใต้ การประท้วงอันดุเดือดรุนแรงเช่นนี้ทำให้การผลิตถึงขั้นชะงักงันทีเดียว ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของพวกคนงานตลอดจนเจ้าของโรงงาน

ขณะที่ตำรวจแถลงว่าได้จับกุมผู้ต้องหาไปราว 700 คนแล้ว ตั้งแต่ที่การประท้วงแอนตี้จีนซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้บานปลายกลายเป็นความรุนแรง โดยในตอนที่เหตุการณ์เริ่มบานปลายนั้น มีผู้เดินขบวนประท้วงกว่า 20,000 คนบุกเข้าไปโจมตีโรงงานต่างๆ ทั้งของคนจีนและของชาวต่างชาติอื่นๆ ซึ่งตั้งอยู่ตามนิคมอุตสาหกรรม ที่บริเวณด้านนอกของนครโฮจิมินห์ เมืองหลวงทางด้านการพาณิชย์ของเวียดนาม

ความรุนแรงดังกล่าวนี้ ผู้ก่อเหตุมุ่งที่จะเล่นงานพวกโรงงานต่างๆ ของคนจีน แต่ปรากฏว่าบริษัททั้งที่มาจากไต้หวัน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, และสิงคโปร์ ต่างก็ได้รับความกระทบกระเทือนด้วย หลายแห่งถึงขั้นต้องปิดประตูและยุติการดำเนินการทีเดียว

ตามรายงานข่าวของสื่อท้องถิ่น ตำรวจระบุว่าพวกคนงานได้เผาโรงงาน ไปอย่างน้อยที่สุด 15 แห่ง ขณะเดียวกันก็มีโรงงานอีกหลายร้อยแห่งซึ่งถูกปล้นชิง หลังจากที่ได้เกิดการชุมนุมเดินขบวนแอนตี้จีนตามท้องถนนในเมืองใหญ่ๆ ของประเทศไปเมื่อวันเสาร์ (10 พ.ค.) และวันอาทิตย์ (11 พ.ค.) สืบเนื่องจากการที่จีนนำเอาแท่นขุดเจาะน้ำมันขนาดยักษ์เข้ามาติดตั้งในบริเวณน่านน้ำที่ทั้งปักกิ่งและฮานอยต่างอ้างกรรมสิทธิ์

ในตอนก่อนรุ่งสางของเช้าวันพุธ (14 พ.ค.) ทางการต้องจัดส่งยานยนต์ของทหารออกไปกำราบเหตุจลาจลซึ่งกำลังเกิดขึ้นทั้งที่เมืองโฮจิมินห์ และทั้งใน 2 จังหวัดที่อยู่ประชิดติดต่อกันอย่าง บิ่งเยือง (Binh Duong) และ ด่งนาย (Dong Nai) แหล่งข่าวหลายรายบอกกับวิทยุเอเชียเสรีภาคภาษาเวียดนาม (RFA's Vietnamese Service)

นอกจากนั้นยังมีการส่งยานยนต์หุ้นเกราะหลายคัน ไปคอยคุ้มครองสถานกงสุลจีนในนครโฮจิมินห์ ท่ามกลางคำแถลงแสดงความวิตกกังวลด้วยน้ำเสียงบูดบึ้งจากปักกิ่ง ตลอดจนจากประเทศอื่นๆ ซึ่งโรงงานต่างๆ ได้รับความกระทบกระเทือนจากความรุนแรง

เวลาเดียวกันนั้น คนงานหลายๆ รายบอกกับวิทยุเอเชียเสรีว่า ตำรวจและพวกบ่างช่างยุหลายๆ คน เป็นผู้ที่นำคนงานเข้าก่อเหตุจลาจล แต่ก็มีคนอื่นๆ ซึ่งกล่าวว่าพวกคนงานเข้าร่วมการชุมนุมเดินขบวนด้วยความสมัครใจเอง

**โรงงานที่มีตัวหนังสือภาษาจีนถูกเล่นงานหนัก**

พวกคนงานยังเล่าว่า มีโรงงานบางแห่งติดตั้งป้ายเขียนข้อความว่าพวกเขาไม่ใช่โรงงานของคนจีน ในความพยายามที่จะปกป้องสถานที่เหล่านี้ให้พ้นจากน้ำมือของพวกก่อจลาจลผู้โกรธแค้นการกระทำของปักกิ่งในน่านน้ำพิพาท

ขณะที่ ฮุยง์ คิม บาว (Huynh Kim Bau) เจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดบิ่งเยือง บอกในทำนองเดียวกันว่า “พวกโรงงานที่มีตัวหนังสือจีนภาษาจีนติดอยู่ที่ด้านนอก ต่างก็ถูกเล่นงานหนัก”

“พวกก่อจลาจลทำลายข้าวของต่างๆ และจุดไฟเผาสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาคิดว่าเป็นของคนจีน อะไรก็ตามที่มีตัวหนังสือจีนติดอยู่ แม้แต่ตำรวจและทหารก็ยังทำอะไรไม่ได้เลย เพราะคนที่ก่อเรื่องมีจำนวนมากเหลือเกิน” เขากล่าว

มีบางโรงงานใช้วิธีติดข้อความเขียนสนับสนุนเวียดนามที่อ้างกรรมสิทธิ์ในหมู่เกาะที่เป็นกรณีพิพาทกันเลย เขาเล่าต่อ

“โรงงานหลายแห่งหยุดการดำเนินการ และที่ด้านนอกติดแผ่นผ้าแผ่นกระดาษที่เขียนข้อความอย่างเช่น “หมู่เกาะพาราเซลและสแปรตลีย์เป็นของเวียดนาม” และ “เวียดนามจงเจริญ”

สำหรับสื่อมวลชนของรัฐ ในตอนต้นๆ ทีเดียวพากันรายงานข่าวการประท้วงอย่างคึกคัก ซึ่งพวกผู้เชี่ยวชาญมองว่าทางการผู้รับผิดชอบอาจจะมีการเปิดไฟเขียวให้เดินหน้าเช่นนี้ โดยเป็นความเคลื่อนไหวชนิดที่มีคาดคำนวณเอาไว้แล้ว ด้วยจุดประสงค์ที่จะแสดงความไม่พอใจปักกิ่ง

แต่หลังจากที่การประท้วงเปลี่ยนไปเป็นความรุนแรง รายงานข่าวต่างๆ ที่เคยโพสต์กันไว้ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์นี้ ก็ถูกลบถูกถอดลงมาเป็นแถว ทำให้ประชาชนชาวบ้านท้องถิ่นต้องหันไปพึ่งพาพวกสื่อสังคม เพื่อเป็นช่องทางสำหรับทราบข่าวสารเกี่ยวกับเหตุการณ์คราวนี้

**ตำรวจยืนเฉยไม่เข้าห้ามปราม**

คนงานหลายๆ คนเล่าว่า มีเพื่อนๆ ถูกชักจูงเร่งเร้าให้เข้าร่วมใช้ความรุนแรง และตำรวจก็พากันยืนเฉยไม่เข้าห้ามปราม ในขณะที่พวกคนงานก่อเหตุจลาจล

“สิ่งที่เกิดขึ้นมานี้ไม่ได้เป็นฝีมือของพวกคนงานเองจริงๆ หรอก แต่ถูกกระตุ้นยุยงจากคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเที่ยวข่มขู่คุกคามพวกคนงาน ดังนั้นคนงานเหล่านี้จึงต้องเข้าร่วมการประท้วงด้วย” เล ธิ อัน (Le Thi An) คนงานในบริษัทของคนจีนแห่งหนึ่งในจังหวัดบิ่งเยือง กล่าวยืนยัน

“คนกลุ่มนี้มีจำนวนหลายสิบคนทีเดียว พวกเขาตระเวนไปทั่วและทำลายข้าวของต่างๆ”

“ฉันเห็นตำรวจจราจรอยู่ตามถนนต่างๆ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ห้ามปรามหยุดยั้งพวกนี้เลย ฉันรู้สึกว่ามันแปลกๆ” เธอบอก

คนงานอีกผู้หนึ่งถึงกับเล่าว่า ตำรวจสั่งให้เพื่อนๆ ของเขาเข้าร่วมก่อการจลาจล และยังคอยเฝ้าดูผู้ประท้วงโดยไม่ได้ห้ามปรามอะไร

“คนงานหญิงบางคนเล่าว่า ... ในตอนเช้าขณะที่พวกเขากำลังทำงานกันอยู่ ตำรวจก็เข้ามาบอกให้พวกเขาหยุดงานและออกมาเข้าร่วมการประท้วง ... ดังนั้นคนงานทั้งหมดจึงพากันออกไป” เหวียน ด่าง (Nguyen Dang) คนงานผู้นี้บอก

“พวกเขายืนยันว่าคนที่เข้ามาสั่งต่างก็แต่งตัวอยู่ในเครื่องแบบตำรวจ แล้วผมยังเห็นตำรวจคอยติดตามอยู่ข้างหลังผู้ประท้วง พวกเขาท่าทางใจเย็นมาก ไม่ได้มีอาการวิตกทุกข์ร้อนกันเลย”

**มีผู้ถูกจับหลายร้อยคน**

ทางด้านหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ (Tuoi Tre) รายงานว่า ตำรวจในจังหวัดบิ่งเยือง ได้จับกุมผู้ต้องหาเป็นจำนวน 599 คนในข้อหายุยงให้เกิดการจลาจลและทำการปล้นสะดม ขณะที่ตำรวจในจังหวัดด่งนาย ก็จับกุมผู้ต้องหาเอาไว้ 100 คน

ตามรายงานของตำรวจบิ่งเยือง นับถึงช่วงบ่ายวันพุธ (14 พ.ค.) มีอาคารสถานที่ของบริษัทต่างๆ ในจังหวัดนี้มากกว่า 460 ราย ถูกทำลายและถูกปล้นชิง และมีโรงงานจำนวน 15 แห่งที่โกดังเก็บสินค้าของพวกเขาถูกพระเพลิงเผาผลาญ หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ระบุ

ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้ปักกิ่งและสถานเอกอัครราชทูตแดนมังกรในฮานอย รีบเร่งออกคำเตือนพลเมืองชาวจีนในเวียดนาม

เว็บไซต์ของสถานเอกอัครราชทูตจีนบอกว่า ยังมองไม่เห็นเลยว่าการโจมตีเช่นนี้จะยุติลงเมื่อใด พร้อมกับเร่งเร้าชาวจีนให้ระมัดระวังตัวเอาไว้ก่อน ขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลฮ่องกงก็ออกคำเตือนการเดินทางไปเวียดนามในระดับสีเหลืองอำพัน

หวา ชุนอิง (Hua Chunying) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุจลาจลที่เกิดขึ้น ในระหว่างการแถลงข่าวประจำวันเมื่อวันพุธ (14 พ.ค.) โดยเธอบอกว่า ปักกิ่งได้ร้องเรียนเรื่องนี้อย่างเป็นทางการต่อฝ่ายเวียดนามแล้ว และได้ใช้กลไกฉุกเฉินทั้งหลายเพื่อให้ความปลอดภัยแก่บริษัทต่างๆ ของจีน

“เราขอเรียกร้องให้เวียดนามยุติการกระทำที่เป็นการยั่วยุทั้งหมด หันกลับมามีสติ และยุติการกระทำทุกอย่างซึ่งมีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบ” เธอกล่าว ทั้งนี้ตามรายงานข่าวของสื่อหลายๆ สำนัก

ในส่วนของสิงคโปร์ก็ได้เรียกเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสิงคโปร์เข้าพบ เพื่อแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการประท้วง เวลาเดียวกัน ประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว (Ma Ying-jeou) ของไต้หวัน ได้กล่าวต่อที่ประชุมด้านความมั่นคงระดับชาติว่า รัฐบาลไต้หวันจะส่งเครื่องบินไปอพยพคนสัญชาติตน ถ้าหากสถานการณ์ยังเลวร้ายลงไปอีก



ในกรุงวอชิงตัน เจย์ คาร์นีย์ (Jay Carney) โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้เกี่ยวกับแท่นขุดเจาะน้ำมันนี้ จำเป็นที่จะต้องแก้ไขคลี่คลายด้วยวิธีสนทนากัน ไม่ใช่ด้วยการข่มขู่กรรโชก

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ปักกิ่งได้เคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะนี้เข้ามาติดตั้งในบริเวณใกล้ๆ หมู่เกาะพาราเซล โดยอยู่ห่างจากชายฝั่งของเวียดนามประมาณ 220 กิโลเมตร จากนั้นเรือตรวจการณ์ของทั้งสองประเทศก็ได้เผชิญหน้ากันในดินแดนพิพาทนี้ ทำให้ความตึงเครียดยิ่งบานปลาย

มีรายงานว่า เรือเหล่านี้ได้ปะทะกันประปรายอยู่เป็นระยะๆ ในช่วงไม่กี่วันมานี้ โดยที่มีการชนกระแทกกันและการใช้เครื่องฉีดน้ำกำลังแรงยิงเข้าใส่กัน

การตัดสินใจของปักกิ่งที่จะติดตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันคราวนี้ ถือเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวอันโจ่งแจ้งห้าวเป้งที่สุดเท่าที่แดนมังกรได้เคยกระทำมา ในความพยายามที่จะยืนกรานการอ้างกรรมสิทธิ์ของตนในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นที่รู้จักเรียกขานกันในเวียดนามว่า ทะเลตะวันออก

ในเวียดนามนั้นได้เคยมีการชุมนุมต่อต้านจีนมาหลายสิบครั้งแล้วนับตั้งแต่ปี 2007 เพื่อคัดค้านสิ่งที่มองกันว่าเป็นการก้าวร้าวรุกรานของปักกิ่งในน่านน้ำพิพาทเหล่านี้

จีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่เกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ โดยปฏิเสธไม่ยอมรับการอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนของชาติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม, ฟิลิปปินส์, ไต้หวัน, มาเลเซีย, หรือ บรูไน

ข่าวนี้รายงานโดย แมค ลัม (Mac Lam ) ทางวิทยุเอเชียเสรีภาคภาษาเวียดนาม (RFA’s Vietnamese Service) และเขียนเป็นภาษาอังกฤษโดย ราเชล แวนเดนบริงค์ (Rachel Vandenbrink)

วิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia ใช้อักษรย่อว่า RFA) ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบัญญัติของรัฐสภาสหรัฐฯ และได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากเงินให้เปล่าของรัฐบาลสหรัฐฯ ปัจจุบัน RFA เป็นผู้ดำเนินการสถานีวิทยุและบริการข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต
กำลังโหลดความคิดเห็น