เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันขึ้นวานนี้(14) จากข้อมูลเชื้อเพลิงสำรองของสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทลงแรงตามดัชนีราคาผู้ผลิตของอเมริกา ขณะที่ทองคำปิดบวกหลังดอลลาร์อ่อนค่าลง
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ ปิดที่ 102.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ ปิดที่ 110.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน ตามแรงหนุนของรายงานสต๊อกเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ โดยแม้ว่าคลังน้ำมันดิบสำรองโดยรวมจะเพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล แต่อีกด้านหนึ่งก็พบสต๊อกที่ลดลง ณ เมืองคุชชิง รัฐโอคลาโฮมา ขณะเดียวกันความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนก็ยังปัจจัยส่งเสริมราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ด้วยนักลงทุนกังวลว่าความขัดแย้งที่ลุกลามอาจกระทบต่อการลำเลียงพลังงาน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(14) ดิ่งลงแรง หลังพบดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ท่ามกลางรายงานผลประกอบการบริษัทต่างๆที่ออกมาผสมผสาน
ดาวโจนส์ ลดลง100.82 จุด (0.60 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,614.62 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 8.97 จุด (0.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,888.48 จุด แนสแดค ลดลง 29.54 จุด (0.72 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,100.63 จุด
เมซีย์ บริษัทผู้ค้าปลีกและ เดียร์ แอนด์ คอมพานี ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกดีกว่าที่คาดหมายไว้ แต่ก็บอกว่ามียอดจำหน่ายลดลงหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่อีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ(14) ก็คือดัชนีราคาผู้ผลิตของอเมริกา ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ในเดือนเมษายน เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้มาก จนก่อความกังวลจต่อภาวะเงินเฟ้อ
ส่วนราคาทองคำวานนี้(14) ขยับขึ้นราวร้อยละ 1 หลังจากดอลลาร์ตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน ระหว่างที่นักลงทุนกำลังรอคำยืนยันถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 11.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,305.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์