เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาเชื้อเพลิงโลกวานนี้ (13 พ.ค.) ปิดบวกพอสมควร หลังเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แย้มอาจยกเลิกห้ามส่งออกน้ำมันดิบ ขณะที่วอลล์สตรีทขยับขึ้นเล็กน้อยและทองคำลงในกรอบแคบๆ นักลงทุนทบทวนทิศทางเศรษฐกิจอเมริกา
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ ปิดที่ 101.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 83 เซ็นต์ ปิดที่ 109.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันนิวยอร์กดีดตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นของการซื้อขาย หลังเออร์เนสต์ โมนิซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าวระหว่างเยือนเกาหลีใต้ว่า อเมริกากำลังทบทวนมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันดิบที่บังคับใช้มาอย่างช้านาน แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม
“ประเด็นของการส่งออกน้ำมันดิบอยู่ภายใต้การพิจารณา แรงขับเคลื่อนที่นำมาสู่การพิจารณาก็คือ การผลิตของเราอาจไม่เหมาะสมกับความสามารถในการกลั่นของเราในปัจจุบัน” โมนิซกล่าว ทั้งนี้ ด้วยสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ แกว่งอยู่ในระดับใกล้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ การยั่วยุผู้ผลิตด้วยบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการยกเลิกห้่ามส่งออก ได้ช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันอย่างฉับพลัน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (13) ปิดผสมผสาน โดยดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี500 แตะระดับสูงสุดตลาดกาลเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ส่วนแนสแดคขยับลงท่ามกลางความกังวลว่ากลุ่มเทคโนโลยีอาจมีมูลค่าสูงเกินจริง
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 19.97 จุด (0.12 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,715.44 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.80 จุด (0.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,897.45 จุด แนสแดค ลดลง 13.69 จุด (0.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,130.17 จุด
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ระหว่างการซื้อขายในวันอังคาร (13) ด้วยนักวิเคราะห์ชี้ไปที่มุมมองในทางบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ว่าตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนเมษายนจะเติบโตเพียง 0.1 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม ส่วนแนสแดค ถูกฉุดโดยหุ้นของซิสโก
ส่วนราคาทองคำวานนี้ (13) ปิดลบในกรอบแคบๆ นักลงทุนทบทวนยอดค้าปลีกอเมริกา แต่โดยรวมแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เชื่อว่าน่าจะเติบโตเหนือคาดหมายในไตรมาสนี้ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 1.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,294.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์