เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เบื้องต้นมีคนงานเสียชีวิตอย่างน้อย 17 ราย และอีกกว่า 200 คนติดอยู่ใต้ดิน หลังเกิดระเบิดที่เหมืองถ่านหินแห่งหนึ่งในจังหวัดมานิซา ทางตะวันตกของตุรกีในวันอังคาร (13) จากการเปิดเผยของหน่วยงานจัดการหายนภัยแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหยื่อยังคงสับสน ด้วยนายกเทศมนตรีท้องถิ่นเชื่อว่าอาจมีผู้เสียชีวิตมากถึง 157 คนเลยทีเดียว
“จากข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ มีผู้เสียชีวิตถึง 157 ราย และบาดเจ็บ 75 ราย” นายซินกิซ เออร์กัน นายกเทศมนตรีเมืองมานิซา ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น เติร์ก เทเลวิชัน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดัวกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยัน
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพยายามเสาะหาทางเข้าไปให้ถึงคนงานที่ติดอยู่ใต้ดิน และเบื้องต้นช่วยเหลืออพยพขึ้นมาได้แล้วราวๆ 50 คน พร้อมเผยว่าใต้เหมืองมีอุโมงค์อากาศอยู่ 2 แห่ง หนึ่งในนั้นหน่วยกู้ภัยได้ดำเนินการเปิดออกแล้ว เพื่อใช้เป็นเส้นทางให้ไปถึงคนงานเหมือง แต่อีกจุดถูกปิดลงจากแรงระเบิด
เหมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตโซมา และเชื่อว่าเหตุระเบิดซึ่งเกิดขึ้นตอนประมาณ 12.30 จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 19.30 น.) มีต้นตอจากหม้อแปลงไฟขัดข้อง
ผู้คนหลายร้อยคน ซึ่งจำนวนมากเป็นคนงานของบริษัทเหมือง รวมตัวกันบริเวณจุดระเบิด ขณะที่ทีมกู้ภัยค่อยๆ ลำเลียงคนงานที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมา โดยส่วนใหญ่แล้วมีอาการหายใจลำบากและไอ สืบเนื่องจากสูดฝุ่นเข้าไป
ในเวลาเดียวกันเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงก็พยายามปั๊มอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ทางลงเหมือง เพื่อช่วยเหลือคนงานที่ติดอยู่ลึกลงไปใต้พื้นผิวราว 2 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากทางเข้าถึง 4 กิโลเมตร
โซมา โคมูร์ บริษัทเจ้าของเหมืองถ่านหิน ระบุในถ้อยแถลงยอมรับว่าเหตุเหมืองถล่มครั้งนี้ ถือเป็นอุบัติเหตุเลวร้าย “เคราะห์ร้ายที่คนงานของเราบางส่วนต้องมาจบชีวิตลงในอุบัติเหตุอันน่าสลดนี้ อุบัติเหตุเกิดขึ้นแม้เรามีมาตรการความปลอดภัยและตรวจสอบขั้นสูงสุด แต่เราก็ได้ตอบสนองต่อสถานการณ์อย่างฉับพลัน”
กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมของตุรกี บอกว่าเหมืองแห่งนี้ได้รับการตรวจสอบครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา และไม่พบว่ามีการละเมิดกฎระเบียบด้านความปลอดภัยใดๆ ส่วนนายกรัฐมนตรี เรเซพ ตายยิบ เออร์โดแกน แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิต “เราช่วยเหลือคนงานบางส่วนขึ้นมาได้แล้ว และผมหวังว่าเราจะสามารถช่วยคนอื่นๆ ที่เหลือได้”
สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่า มีคนงาน 580 คนทำงานอยู่ในเหมืองตอนเกิดระเบิด ทว่าจำนวนมากหลบหนีออกมาได้ พร้อมบอกว่าเหล่าญาติๆ ที่เป็นกังวลและบางรายถึงกับร่ำไห้ มารวมตัวกันทั้งที่จุดเกิดเหตุและโรงพยาบาล “ทีมช่วยเหลือ 4 ชุดกำลังเร่งมืออยู่ที่เหมือง ไฟที่ลุกไหม้ก่อปัญหา แต่เราก็ได้ดำเนินการปั๊มออกซิเจนเข้าไปยังทางลงเหมืองที่ไม่ได้รับผลกระทบแล้ว” นายทาเนอร์ ยิลดิซ รัฐมนตรีพลังงานบอกกับผู้สื่อข่าว ก่อนเดินทางไปยังเมืองมานิซา
รายงานข่าวระบุว่า คนงานเหมืองทั้งหมดมีหน้ากากกันแก๊สพิษ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะทนอยู่ใต้ดินได้นานแค่ไหน โดยเวดัต ดิดารี ผู้เชี่ยวชาญด้านเหมืองบอกกับเอเอฟพีว่าความเสี่ยงใหญ่หลวงที่สุดคือปัญหาออกซิเจนที่ค่อยๆ หมดลง “หากพัดลมผนังไม่ทำงาน คนงานอาจเสียชีวิตภายในแค่ชั่วโมงเดียว”
เหตุเหมืองระเบิดหรือพังถล่มเกิดขึ้นบ่อยครั้งในตุรกี โดยเฉพาะตามเหมืองของเอกชนซึ่งมักละเมิดกฎระเบียบด้านความปลอดภัย ขณะที่อุบัติเหตุทางเหมืองครั้งเลวร้ายที่สุดในประเทศแห่งนี้ เกิดขึ้นในปี 1992 เมื่อเหมืองแห่งหนึ่งในซอนกูลดัก แก๊สระเบิด คร่าชีวิตคนงาน 263 ศพ
