เอเอฟพี – ชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ (ethnic minorities) จะกลายเป็นประชากร 1 ใน 3 ของอังกฤษภายในปี 2050 หากแนวโน้มประชากรในปัจจุบันยังคงดำเนินต่อไป ผลวิจัยเผยวันนี้(6)
สถาบันวิจัย เดอะ พอลิซี เอ็กซ์เชนจ์ ในอังกฤษ พบว่า ชุมชนคนผิวสีและชาติพันธุ์กลุ่มน้อย (BME) ในอังกฤษมีอัตราการขยายตัวเร็วกว่าพลเมืองผิวขาว และกำลังเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของเมืองผู้ดีไปอย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
เวลานี้กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีมากที่สุดในอังกฤษ 5 กลุ่มแรกได้แก่ ชาวอินเดีย, ชาวปากีสถาน, ชาวบังกลาเทศ, ชาวแอฟริกันผิวสี และชาวแคริบเบียนผิวสี ซึ่งคิดเป็นประชากรรวมทั้งสิ้นราว 8 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 14 ของประชากรในอังกฤษ
ชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ในอังกฤษเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา ในขณะที่สัดส่วนพลเมืองผิวขาวเกือบจะคงที่ ดังนั้นจึงมีการคาดการณ์ว่า ภายในกลางศตวรรษนี้อังกฤษจะมีกลุ่มชาติพันธุ์อยู่ระหว่างร้อยละ 20-30 ของพลเมืองทั้งประเทศ
จากการวิเคราะห์ผลสำรวจ, การทำสำมะโนประชากร, ข้อมูลเชิงวิชาการ และข้อมูลจากโพลต่างๆ พบว่า ชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ราวครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน, แมนเชสเตอร์ และเบอร์มิงแฮม
ผลการวิจัยยังพบว่า สถิติการว่างงานของกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศเป็นเท่าตัว ยกเว้นกลุ่มชาติพันธุ์อินเดียซึ่งส่วนใหญ่มีทักษะในการทำงานสูง
ในทางตรงกันข้าม ชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์กลับมีเยาวชนที่เลือกศึกษาต่อในขั้นสูงหลังพ้นอายุที่จะออกจากโรงเรียน (16 ปี) มากกว่าเยาวชนผิวขาว
ผู้วิจัยชี้ว่า ชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนและมีนัยยะสำคัญ ซึ่งบรรดานักการเมืองควรจะหันมาใส่ใจ
อย่างไรก็ดี ผลวิจัยชิ้นนี้ยังพบด้วยว่า ชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์ทุกช่วงวัยและชนชั้นทางสังคมสนับสนุนพรรคแรงงานฝ่ายค้าน มากกว่าพรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน