เอเอฟพี – โอรสของกษัตริย์เมารีในนิวซีแลนด์เดินทางไปขึ้นศาลวันนี้ (5) หลังถูกตั้งข้อหาบุกรุกสถานที่เพื่อขโมย “เซิร์ฟบอร์ด” ในเมืองแห่งหนึ่งบนเกาะเหนือ ซึ่งทำให้ผู้นำชนเผ่าเมารีออกมาตำหนิบุตรชายตนเองผ่านสื่ออย่างไม่ไว้หน้า
สถานีวิทยุเรดิโอนิวซีแลนด์ รายงานว่า โกโรตันกี ปากี วัย 18 ปี ซึ่งเป็นโอรสของสมเด็จพระราชาธิบดี ตูเฮอิเตีย แห่งชนเผ่าเมารี ยอมรับสารภาพทั้งข้อหาขโมยเซิร์ฟบอร์ดจาก ท็อป เทน ฮอลิเดย์ ปาร์ก และข้อหาขโมยทรัพย์สินจากรถยนต์อีกคันหนึ่ง ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นในเมืองกิสบอร์น เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ทนายของ ปากี เคยขอให้ศาลสั่งห้ามสื่อต่างๆ เปิดเผยชื่อโอรสกษัตริย์เมารีในคดีนี้ แต่ก็ถอนคำร้องในภายหลัง ส่วน ปากี ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว และจะมีการอ่านคำพิพากษาในเดือนกรกฎาคม
สมเด็จพระราชาธิบดี ตูเฮอิเตีย ไม่เสด็จฯ ไปฟังการพิจารณาคดี แต่ทรงให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวแฟร์แฟกซ์ ว่า โอรสของพระองค์ “ทำตัวนอกลู่นอกทาง” และก่อคดีลักทรัพย์ร่วมกับเพื่อน 3 คนหลังจากดื่มเหล้าจนมึนเมา
กษัตริย์เมารีทรงตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งเมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากปฏิเสธไม่ยอมพบกับเจ้าชายวิลเลียมแห่งอังกฤษ และเจ้าหญิงแคทเธอรีน พระชายา ที่เสด็จฯ เยือนนิวซีแลนด์เมื่อเดือนที่แล้ว
สมเด็จพระราชาธิบดีทรงยอมรับว่า ตอนแรกทรงคิดที่จะช่วยเหลือพระโอรสให้พ้นผิดตามวิสัยของผู้เป็นพ่อ แต่ต่อมาก็ตัดสินพระทัยตำหนิพระโอรสผ่านสื่อ เพื่อให้รู้จักยอมรับความอับอายในสิ่งที่ตนก่อขึ้น
“ข้าพเจ้าเชื่อว่า โกโรตันกี คงได้รับบทเรียนแล้ว... เขาคงทราบว่าทำให้ข้าพเจ้าต้องลำบากใจเพียงใด ข้าพเจ้ามั่นใจว่าเขาจะไม่ทำอะไรเช่นนี้อีก”
สมเด็จพระราชาธิบดี ตูเฮอิเตีย ทรงสืบเชื้อสายจาก โปตาเตา เต เวโรเวโร ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นปฐมกษัตริย์แห่งชนเผ่าเมารีในปี 1858 เนื่องจากชนเผ่าพื้นเมืองบนเกาะเหนือต้องการบุคคลที่จะเป็นผู้นำสูงสุดของพวกเขา ในลักษณะเดียวกับที่สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงถูกมองว่าเป็นผู้นำคนผิวขาวในนิวซีแลนด์
รัฐธรรมนูญนิวซีแลนด์ไม่ได้รับรองสถานะของสมเด็จพระราชาธิบดี และไม่ทรงมีอำนาจใดๆ ในทางกฎหมาย ทว่าพระองค์ยังทรงมีบทบาทในเชิงสัญลักษณ์สำหรับชาวเมารีส่วนใหญ่
พระราชาธิบดีองค์นี้เคยมีอาชีพขับรถบรรทุก ก่อนที่จะได้รับการสถาปนาในปี 2006
สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งเมารี ปฏิเสธที่จะพบกับเจ้าชายวิลเลียมเมื่อเดือนที่แล้ว โดยให้เหตุผลว่ากำหนดการเยือนเพียง 90 นาทีไม่เพียงพอที่จะจัดพิธีต้อนรับได้อย่างเหมาะสม และพระองค์ไม่ใช่เครื่องมือสำหรับจัด “งานรื่นเริง” ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง