เอเอฟพี - เหตุเพลิงไหม้ที่เมืองโอเดสซา ทางภาคใต้ของยูเครน ได้คร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 30 คนใน ขณะที่ความรุนแรงกำลังลุกลามบานปลายไปทั่วประเทศ ในวันที่เกิดเหตุนองเลือดครั้งเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่รัฐบาลยูเครนที่ชาติตะวันตกคอยหนุนหลังก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่ง
กระทรวงมหาดไทยยูเครน แถลงว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 31 รายในเหตุเพลิงไหม้วานนี้ (2 พ.ค.) โดยสื่อยูเครนรายงานว่า เชื่อว่าในเวลานั้นมีกลุ่มหัวรุนแรงนิยมรัสเซียอยู่ในอาคารที่เกิดไฟไหม้
ผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการสูดดมควันไฟเข้าไป ขณะที่คนอื่นๆ จบชีวิตลงหลังพยายามกระโดดหนีลงมาทางหน้าต่าง ทางฝ่ายรัสเซียระบุว่ารู้สึก “แค้นเคือง” ที่เมืองท่าอันสวยงามแห่งนี้ต้องกลายเป็นแนวรบใหม่ในวิกฤตความรุนแรงที่กำลังทวีความร้อนระอุยิ่งขึ้น หลังจากยืดเยื้อมานานหลายเดือน จนจุดประกายให้เกิดกระแสปริวิตกว่า รัสเซียอาจบุกเข้ารุกรานยูเครน
ทางด้าน กระทรวงการต่างประเทศแดนหมีขาวได้เรียกร้องให้ยูเครนและ “ชาติตะวันตกที่คอยสนับสนุน ยุติอนาธิปไตย และออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อหน้าประชาชนชาวยูเครน” พร้อมทั้งกล่าวโทษกรุงเคียฟว่า “ไร้ความรับผิดชอบอย่างน่าละอาย” จนทำให้สถานการณ์ความรุนแรงเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
ท่าทีเช่นนี้มีขึ้นหลังหนึ่งวันของการปะกันอย่างรุนแรงระหว่างกลุ่มติดอาวุธใฝ่รัสเซีย และกลุ่มหัวรุนแรงนิยมยูเครน โดยมีรายงานข่าวว่า เกิดการต่อสู้ระลอกใหม่ในเมืองสโลเวียนสค์ จนทำให้ทหารยูเครนเสียชีวิตอีก 2 นาย ฉุดให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นตลอดทั้งวัน ในเมืองทางภาคตะวันออกของยูเครนแห่งนี้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 9 ศพ
ในเวลาที่สายสัมพันธ์ระหว่างชาติตะวันตกกับมอสโกสั่นคลอนมานานนับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น สหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศสงครามทางการทูตโดยการขู่คว่ำบาตรรัสเซียด้วยมาตรการใหม่ๆ ภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อตอบโต้ในสิ่งที่วอชิงตันกล่าวว่าเป็น “การทำลายเสถียรภาพ” ของยูเครน
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ขู่ที่จะขยายขอบเขตมาตรการคว่ำบาตร ให้ครอบคลุมเศรษฐกิจรัสเซียหลายๆ ด้านมากขึ้น หากมอสโกยังปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในอดีตชาติสมาชิกสหภาพโซเวียตแห่งนี้ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งกำหนดมีขึ้นในวันที่ 25 พฤษภาคม
โอบามากล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนีว่า “หากเราพบว่าสังคมยูเครนยังคงแตกแยกระส่ำระสาย และสูญเสียเสถียรภาพหนักขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถจัดการเลือกตั้งในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ได้ เราก็จำเป็นต้องเดินหน้าประกาศมาตรการคว่ำบาตรขั้นรุนแรงกับรัสเซียเพิ่มเติมอย่างไม่มีทางเลือก”
“หากรัสเซียยังคงทำเช่นนี้ต่อไป เราก็มีมาตรการอีกมากมายที่นำมาประกาศใช้ เช่น การประกาศคว่ำบาตรแบบมุ่งเป้าไปที่บางภาคเศรษฐกิจของรัสเซีย”
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่า จะประกาศมาตรการเหล่านี้ก็ต่อเมื่อรัสเซียส่งทหารประมาณ 40,000 นาย ไปตรึงกำลังบริเวณแนวชายแดน
“วันนี้ ประชาคมนานาชาติต้องยืนหยัดอย่างพร้อมเพรียงเพื่อสนับสนุนประชาชนชาวยูเครน ในยามที่พวกเขาต้องรับมือกับโศกนาฏกรรม” มารี ฮาร์ฟ ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในการแถลงไว้อาลัยให้แก่เหล่าผู้เสียชีวิตในเหตุสลดที่เมืองโอเดสซา
“การใช้ความรุนแรง และการประทุษร้ายอย่างเลือดเย็นจนทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้”
นอกจากนี้ ฮาร์ฟยังได้ออกมาเน้นย้ำข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้รัสเซียปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพที่รัสเซีย-ยูเครน-สหรัฐฯ-อียู บรรลุร่วมกันในนครเจนีวาเมื่อเดือนที่แล้ว “โดยทันที”
ทั้งนี้ เหตุไม่สงบในยูเครนเปิดฉากขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว เมื่อชาวยูเครนออกมาชุมนุมอย่างสันติในกรุงเคียฟ เพื่อต่อต้านประธานาธิบดี วิกตอร์ ยานูโควิช แต่แล้วก็ถลำลึกจนกลายเป็นวิกฤตที่ลุกลามบานปลายอย่างรวดเร็วจนส่งผลกระทบไปทั่วโลก
หลังการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมขั้นรุนแรง ประธานาธิบดี ยานูโควิชก็ถูกขับออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีรัฐบาลที่ชาติตะวันตกหนุนหลังก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน จนจุดประกายให้มอสโกขุ่นเคือง และตอบโต้ด้วยการผนวกสาธารณรัฐไครเมีย ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของยูเครนเข้าเป็นดินแดนของตน