เอเอฟพี - กลุ่มโจรสลัดติดอาวุธปฏิบัติการปล้นเรือบรรทุกน้ำมันที่มีบริษัทแห่งหนึ่งของไทยเป็นเจ้าของ บริเวณนอกชายฝั่งทางตะวันออกของมาเลเซีย ถ่ายดีเซลลงเรือที่เตรียมมาและทำร้ายกัปตันจนได้รับบาดเจ็บ
นายโนเอล ชุง เจ้าหน้าที่สำนักงานพานิชย์นาวีระหว่างประเทศ (ไอเอ็มบี) เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (24) ว่าเหตุโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 เมษายน โดยโจรสลัดจำนวน 16 คนใช้เรือเร็วเป็นยานพาหนะ จากนั้นก็อาศัยความมืดลอบขึ้นเรือ “เรือบรรทุกน้ำมันถูกปล้นนอกชายฝั่งเกาะเออร์ ทางชายฝั่งตะวันออกของมาเลเซีย พวกโจรสลัดติดอาวุธหนักใช้มีดดาบทำร้ายกัปตันและทำลายอุกกรณ์สื่อสารบนเรือ”
เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์นาวีระหว่างประเทศรายนี้ไม่ได้เปิดเผยว่ากัปตันเรือของบริษัทที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อ ได้รับบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน ขณะที่นอกจากกัปตันแล้ว บนเรือลำดังกล่าวที่กำลังแล่นจากสิงคโปร์สู่กัมพูชา ยังมีลูกเรืออีก 14 คน
“พวกโจรสลัดดูดน้ำมันดีเซลบางส่วนลงเรือบรรทุกน้ำมันที่เตรียมมา และปล้นทรัพย์สินมีค่าของลูกเรือก่อนหลบหนีไป” เขากล่าว พร้อมบอกว่าทางสำนักงานพาณิชย์นาวี เพิ่งทราบเรื่องในวันพฤหัสบดี (24) เนื่องจากระบบการสื่อสารของเรือได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่าสำนักงานของเขามีความกังวลต่อเหตุโจรสลัดโจมตีนอกชายฝั่งมาเลเซีย ที่กลับมาอีกครั้งในปีนี้
เมื่อวันอังคาร (22) โจรสลัดติดอาวุธหนักราว 12 คน บุกขึ้นเรือบรรทุกน้ำมันของสิงคโปร์บริเวณช่องแคบมะละกา จากนั้นก็ลักพาตัวลูกเรือชาวอินโดนีเซีย 3 รายและถ่ายเทน้ำมันดีเซลบางส่วนจากใส่เรือเล็กที่เตรียมมา
ช่องแคบมะละกาคือเส้นทางเดินเรือสำคัญที่เชื่อมยุโรปและตะวันออกกลางกับเอเชีย และมันเคยเป็นน่านน้ำที่มีโจรสลัดชุกชุมมาอย่างช้านาน
อย่างไรก็ตาม เหตุโจมตีลดลงอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากการลาดตระเวนที่เข้มข้นและเหล่าประเทศเพื่อนบ้านร่วมมือกันอารักขาเส้นทางเดินเรือ โดยในปีที่แล้วไม่มีโจรสลัดโจมตีในน่านน้ำมาเลเซียแม้แต่ครั้งเดียว ขณะที่เหตุการณ์ในวันอังคาร (22) ถือว่าเกิดขึ้นในช่อบแคบมะละกาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2010