เอเอฟพี/มาร์เกตวอชต์ - ราคาน้ำมันสหรัฐฯ วานนี้ (22 เม.ย.) ดิ่งแรง คาดสต๊อกเชื้อเพลิงภายในประเทศพุ่งสูง บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอ ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกพอสมควร จากข้อตกลงภาคเวชภัณฑ์ ขณะที่ทองคำขยับลง หลังความต้องการในจีนอ่อนแอ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 2.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 102.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 68 เซ็นต์ ปิดที่ 109.27 บาร์เรล
น้ำมันตลาดนิวยอร์กตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของการคาดเดาของนักลงทุนต่อรายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ (23) ด้วยเชื่อว่าน่าจะเพิ่มขึ้นราวๆ 2.4 ล้านบาร์เรล สอดคล้องกับผลสำรวจที่จัดทำโดยดาวโจนส์นิวส์ไวร์ บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอภายในชาติผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในโลก
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทต่างๆและข้อตกลงทางธุรกิจของภาคเวชภัณฑ์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (22) ปิดในแดนบวก โดยเฉพาะเอสแอนด์พี 500 และแนสแดค ที่ขยับขึ้น 6 วันติดต่อกัน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 65.02 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,514.27 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 7.72 จุด (0.41 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,879.61 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 39.91 จุด (0.97 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,161.46 จุด
หุ้น GlaxoSmithKline ปรับตัวขึ้น 5.2% ภายหลัง Novartis AG บรรลุข้อตกลงที่จะซื้อธุรกิจยารักษาโรคมะเร็งของบริษัทและจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเกี่ยวกับสุขภาพผู้บริโภคร่วมกัน นอกจากนี้แล้วตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการไตรมาสแรกที่เหนือความคาดหมายของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง
ด้านราคาทองคำวานนี้ (22) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 สัปดาห์ นักลงทุนเพิกเฉยต่อความตึงเครียดในยูเครน และให้ความสำคัญกับอุปสงค์ที่เบาบางลงในจีน รวมถึงสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ผลักให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 7.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,281.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์