เอเอฟพี – ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ยืนยันว่าไม่มีสิ่งใดจะเป็นอุปสรรคขัดขวางการ “คืนดี” ระหว่างรัสเซียกับตะวันตกได้ หลังจากที่วิกฤตยูเครนทำให้สายสัมพันธ์มอสโกกับตะวันตกทรุดหนักที่สุดนับตั้งแต่สิ้นยุคสงครามเย็น
คำพูดสวยหรูของ ปูติน มีขึ้นหลังจากที่ผู้แทนรัสเซีย, ยูเครน และมหาอำนาจตะวันตกได้ร่วมหารือกันเมื่อวันพฤหัสบดี (17) และสรุปออกมาเป็นข้อตกลงที่วางมาตรการเบื้องต้นสำหรับบรรเทาความขัดแย้ง
“มัน (การฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับเป็นปกติ) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา หรืออีกนัยหนึ่งก็คือไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราเท่านั้น แต่อยู่ที่การตัดสินใจของหุ้นส่วนทั้งหลายด้วย” ปูติน เผยต่อสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ซึ่งจะเผยแพร่บทสัมภาษณ์ไปทั่วประเทศในวันนี้ (19)
“ผมเชื่อว่าไม่มีอะไรจะขัดขวางการคืนดีและการร่วมมือกันได้”
ปูติน ยังแสดงความหวังว่ารัสเซียจะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเลขาธิการนาโตคนใหม่ ซึ่งก็คืออดีตนายกรัฐมนตรี เจนส์ สโตลเตนเบิร์ก แห่งนอร์เวย์ ซึ่งจะมารับตำแหน่งแทน แอนเดอร์ส ฟ็อก ราสมุสเซน ที่กำลังจะหมดวาระลง
“เราทั้ง 2 คนเข้ากันได้ดี ซึ่งผมหมายถึงความสัมพันธ์ในระดับส่วนตัวด้วย เขา (สโตลเตนเบิร์ก) เป็นคนจริงจัง รับผิดชอบ เพราะฉะนั้นเรามารอดูกันว่าความสัมพันธ์จะเป็นอย่างไร หลังจากที่เขาเริ่มงานในบทบาทใหม่”
ความไม่ลงรอยระหว่าง ปูติน กับ ราสมุสเซน ปรากฏชัดเจนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (17) เมื่อ ปูติน ออกมากล่าวหาว่าอีกฝ่ายเคยแอบบันทึกเสียงและปล่อยคลิปบทสนทนาส่วนตัวระหว่างทั้งคู่ สมัยที่ ราสมุสเซน ยังนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก
ในกรณีของยูเครน ปูติน ระบุว่ามอสโกจะให้เวลากรุงเคียฟอีก 1 เดือนในการจ่ายคืนค่าก๊าซที่ยังค้างชำระ แต่ย้ำว่ารัฐบาลรัสเซียไม่มีเจตนาที่จะทำให้ยูเครนล้มละลายทางเศรษฐกิจ
“เราคงรอคอยตลอดไปไม่ได้ เราไม่สามารถผลักภาระให้แก่งบประมาณของชาติและเงินภาษีของชาวรัสเซีย เพียงเพื่อช่วยเหลือประชากร 45 ล้านคนในประเทศอื่น”
“รัสเซียไม่ได้ต้องการทำลายเศรษฐกิจยูเครน เพราะการทำเช่นนั้นอาจกระทบต่อการส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังยุโรป”
ผู้นำรัสเซียยังเรียกร้องให้ชาติยุโรปหามาตรการที่จะช่วยเหลือยูเครนในด้านการคลัง
อย่างไรก็ดี ข้อตกลงระหว่างรัสเซีย, สหรัฐฯ, สหภาพยุโรป และยูเครนที่นครเจนีวา จะถูกนำมาปฏิบัติจริงได้หรือไม่และอย่างไรยังไม่เป็นที่แน่ชัด ในเมื่อกลุ่มแบ่งแยกดินแดนโปรรัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครนยังคงปฏิเสธที่จะถอนกำลังออกจากสถานที่ราชการที่ยึดไว้