เอเอฟพี - องค์กรด้านอาหารขององค์การสหประชาชาติ กล่าวเตือนในวันนี้ (8 เม.ย.) ว่าซีเรียกำลังจะเผชิญกับ “ภัยแล้ง” ที่อาจส่งผลให้ชีวิตของประชาชนหลายล้านคนต้องตกอยู่ในอันตราย ซึ่งนับเป็นการซ้ำเติมพลเมืองที่บอบช้ำจากสงครามกลางเมืองมานานถึง 3 ปี
อลิซาเบธ เบอร์ส โฆษกโครงการอาหารโลก (ดับเบิลยูเอฟพี) ระบุว่า “ดับเบิลยูเอฟพี กำลังกังวลว่า ภัยแล้งซึ่งเกิดจากปริมาณฝนลดลงจากค่าเฉลี่ยระยะยาวไปกว่าครึ่ง อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ โดยเฉพาะที่เมืองอะเลปโป อีดริบ และฮามา จนทำให้ผลผลิตจำพวกธัญพืชได้รับความเสียหายร้ายแรง”
เธอกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “หากภัยแล้งยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ สถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ประชาชนหลายล้านคนต้องเผชิญกับความเสี่ยง”
เบอร์ส กล่าวว่า กำลังมีความวิตกกังวลเป็นอันมากว่าภัยแล้งอาจส่งผลต่อภาคการเกษตรในซีเรีย เนื่องจากระบบชลประทานและเครื่องจักรกลการเกษตรก็เสียหายจากภัยสงครามมามากพอแล้ว
นอกจากนี้ภาคการเกษตรที่ผลิตธัญพืชยังหวั่นเกรงกันว่า ปัญหาการขาดแคลนน้ำอาจกระทบต่อการทำฟาร์มเลี้ยงปศุสัตว์
“ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันทั้งหมด ทำให้เราคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะไม่ดีขึ้น” เบอร์สชี้
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ดับเบิลยูเอฟพีสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน 4.5 ล้านคนในซีเรีย จากชาวซีเรียที่กำลังเดือดร้อนทั้งหมดประมาณ 6.5 ล้านคน
เบอร์สกล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่า ผู้ที่ต้องพึ่งพาอาหารบริจาคเพราะประสบภัยแล้งจะมีจำนวนเท่าใด
ทั้งนี้ ตามปกติแล้ว พื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบของซีเรียเป็นแหล่งผลิตข้าวสาลีที่ครองสัดส่วนมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณข้าวสาลีทั้งหมดที่ซีเรียผลิตได้ในแต่ละปี
ตามข้อมูลของคณะผู้เชี่ยวชาญยูเอ็น ผลผลิตทางการเกษตรในปีนี้อาจดิ่งลงตั้งแต่ 1.7 ล้านถึง 2 ล้านตัน ซึ่งนับเป็นจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์
ครั้งล่าสุดที่ซีเรียต้องเผชิญภัยแล้งคือเมื่อปี 2008 หรือ 3 ปีก่อนที่ประเทศนี้จะถลำลงสู่สงครามกลางเมือง ที่คร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 150,000 คน และผลักให้ชาวซีเรียถึง 9 ล้านคนต้องพลัดบ้านเกิด ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงผู้ลี้ภัย 2.6 ล้านคนที่ต้องอพยพหลบภัยไปอาศัยอยู่ต่างแดน
ทางด้าน องค์การคุ้มครองผู้ลี้ภัยขององค์การสหประชาชาติแถลงในวันนี้ (8) ว่าชาวซีเรียอาจอพยพออกประเทศเพิ่มขึ้นอีกหากเกิดภัยแล้ง