รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกโรงเรียกร้องในวันอังคาร (8 เม.ย.) ให้บรรดาเจ้าหนี้นานาชาติยอม “ยกหนี้สิน” ให้แก่ฟิลิปปินส์ และมอบความช่วยเหลือแบบไม่มีเงื่อนไขในรูปของเงินกู้ยืมก้อนใหม่ ทั้งนี้เพื่อช่วยฟื้นฟูแดนตากาล็อกจากหายนะไต้ฝุ่น “ไห่เยี่ยน”
ฟิลิปปินส์ถูกถล่มอย่างหนักจากพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนเมื่อ 5 เดือนก่อน โดยพายุลูกนี้ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพายุที่มีความรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่ฟิลิปปินส์ และคาดว่าความพยายามในการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยนาน 4 ปีอาจต้องใช้เงินมากกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 259,630 ล้านบาท) ขณะที่ยอดหนี้สินต่างประเทศของฟิลิปปินส์เมื่อสิ้นปี 2013 ที่ผ่านมา ตามข้อมูลของธนาคารกลางแดนตากาล็อกนั้นมีสูงถึง 58,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.89 ล้านล้านบาท)
เซฟาส ลูมินา ผู้เชี่ยวชาญอิสระซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ให้ศึกษาถึงผลกระทบของ “หนี้สินต่างประเทศ” ที่มีต่อประเด็นปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน ตลอดจนผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ออกมาเปิดเผยว่า ความช่วยเหลือจากนานาชาติที่หลั่งไหลมายังฟิลิปปินส์หลังเกิดหายนะไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลฟิลิปปินส์ต้องใช้เงิน “มากกว่าวันละ 22 ล้านดอลลาร์” สำหรับใช้หนี้เงินกู้แก่เจ้าหนี้ต่างประเทศทุกวัน
ลูมินาเผยว่า โดยรวมแล้วฟิลิปปินส์ต้องใช้เงินราว 3,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 97,290 ล้านบาท) เพื่อใช้หนี้สินต่างประเทศนับตั้งแต่ถูกไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนพัดถล่มเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ขณะที่ประชาชนราว 4 ล้านคนในพื้นที่ภาคกลางของฟิลิปปินส์ยังคงต้องมีสภาพเป็น “คนไร้บ้าน” จากผลพวงของไต้ฝุ่นดังกล่าวที่พัดถล่มทำลายบ้านเรือนของประชาชนไปมากกว่า 500,000 หลัง
ขณะที่ข้อมูลจากการประเมินของยูเอ็นพบว่าความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน โรงพยาบาล โรงเรียน บริการสาธารณะต่างๆ อาจมีวงเงินสูงกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 389,120 ล้านบาท)
“บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศควรพิจารณายกเลิกหนี้สินแก่ฟิลิปปินส์ รวมถึงควรเปิดโอกาสให้กับฟิลิปปินส์ ได้เข้าถึงการช่วยเหลือที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ผูกติดมาด้วย เพื่อสร้างหลักประกันว่าการเดินหน้าฟื้นฟูความเสียหายจากภัยพิบัติครั้งนี้จะสามารถดำเนินไปได้อย่างเต็มที่” ลูมินากล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลของสหประชาชาติล่าสุดยืนยันว่า ราว 1 ใน 5 ของหนี้สินต่างประเทศของฟิลิปปินส์ เมื่อนับถึงสิ้นปีที่ผ่านมานั้น เป็นหนี้สินที่ฟิลิปปินส์กู้ยืมมาจาก “ธนาคารโลก” และ “ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย” ขณะที่ประเทศผู้ให้กู้ยืมรายใหญ่ของฟิลิปปินส์ คือ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเยอรมนี