เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลเม็กซิโกประกาศในวันจันทร์ (31 มี.ค.) ปรับแผนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงเพื่อรับมือกับเหตุรุนแรงและอาชญากรรมที่พุ่งสูงในพื้นที่รอบกรุงเม็กซิโก ซิตี เมืองหลวงของประเทศ
มิเกล อังเฆล โอโซริโอ ชอง รัฐมนตรีมหาดไทยเม็กซิโกเผย พื้นที่โดยรอบกรุงเม็กซิโก ซิตีที่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 15 ล้านคน กำลังกลายเป็น “พื้นที่ปัญหา”ทางด้านความมั่นคงหลังจำนวนเหตุฆาตกรรมและความรุนแรงจากอาชญากรรมประเภทต่างๆได้พุ่งสูงขึ้น และเป็นที่มาของแผนยุทธศาสตร์ใหม่ซึ่งจะครอบคลุมถึงการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกเท่าตัวและการจัดตั้ง “หน่วยพิเศษ” เพื่อต่อต้านการลักพาตัวและปราบปรามการกรรโชกทรัพย์
รายงานข่าวระบุด้วยว่า มาตรการยกระดับยุทธศาสตร์ความมั่นคงดังกล่าวของรัฐบาลเม็กซิโก ยังครอบคลุมถึงการติดตั้งกล้องวงจรปิดกว่า 6,000 ตัว และกองกำลังตำรวจพิเศษ ที่ผ่านการฝึกอบรมการปราบปรามอาชญากรรมในระดับเข้มข้นราว 2,000 นาย
ด้าน เอรูเบียล อบิลา บิเญกาส ผู้ว่าการรัฐเอสตาโด เด เมคิโก หนึ่งในรัฐที่มีสถิติการเกิดคดีอาชญากรรมสูงที่สุดของเม็กซิโก ออกโรงเรียกร้องให้รัฐบาลกลางแดนจังโก้ช่วยเหลือรัฐของตนในการปราบปรามอาชญากรรม พร้อมยอมรับว่ารัฐในความดูแลของตนกำลังประสบปัญหาจากการออกอาละวาดของเหล่าอาชญากรที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างจาก “แมลงสาบ”
ทั้งนี้ ในปัจจุบันกรุงเม็กซิโก ซิตี เมืองหลวงของเม็กซิโกและพื้นที่โดยรอบ ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีกำลัง “เจ้าหน้าที่ตำรวจ”ประจำการอยู่มากที่สุดในโลก แต่ถึงกระนั้นจำนวนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการฆาตกรรมยังคงพุ่งสูงอยู่ที่ระดับ 8.4 คนต่อประชากร 100,000 ราย ซึ่งสูงกว่าในมหานครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ที่มีผู้ถูกฆาตกรรมราว 5.6 คนต่อประชากร 100,000 ราย
ขณะเดียวกัน เคยมีผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเม็กซิโกก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ประชาชนแดนจังโก้ส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของตำรวจที่มักตกเป็นข่าวพัวพันการรับสินบนจากบรรดาขบวนการค้ายาเสพติด และเหล่าอาชญากร ขณะที่จำนวนผู้ทำผิดกฎหมายที่ถูกตำรวจจับกุมและนำตัวมาดำเนินคดีได้นั้นมีเพียง 1 รายจากคดีอาชญากรรมที่มีการรายงานผ่านสื่อมวลชนในทุกๆ 100 คดี สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของตำรวจเม็กซิโก