เอเอฟพี - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประกาศโครงการปล่อยกู้ 14,000-18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แก่รัฐบาลยูเครนเมื่อวานนี้ (27 มี.ค.) ขณะที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีมติไม่ยอมรับการผนวกคาบสมุทรไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
ถ้อยแถลงจากไอเอ็มเอฟซึ่งมีผลอย่างยิ่งต่อความอยู่รอดของเศรษฐกิจยูเครนมีขึ้นท่ามกลางการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่ทวีความดุเดือดในยูเครน หลังอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ยูเลีย ทีโมเชนโค ผู้นำฝ่ายค้าน ประกาศจะลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีซึ่งเคยเป็นของ วิกเตอร์ ยานูโควิช ผู้ส่งเธอเข้าคุก
ร่างมติที่รัฐบาลยูเครนเสนอผ่านการรับรองจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็น ณ นครนิวยอร์ก เมื่อวานนี้ (27) ด้วยคะแนนสนับสนุน 100 เสียง คัดค้าน 11 เสียง งดออกเสียง 58 เสียง และไม่ลงคะแนนอีก 20 เสียง
รัฐบาลยูเครนออกมาแถลงชื่นชมมติยูเอ็น ทั้งยังเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมกัน “ผนึกกำลังให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น” เพื่อต่อสู้กับพฤติกรรมก้าวร้าวของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม วิทาลี เชอร์คิน ผู้แทนรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติ กลับชี้ว่าผลโหวตสะท้อน “ชัยชนะทางศีลธรรม” สำหรับฝ่ายรัสเซีย เพราะเห็นได้ชัดว่าสมาชิกยูเอ็น “เกือบครึ่งหนึ่ง” ปฏิเสธที่จะสนับสนุนร่างมตินี้
ด้านนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี มีถ้อยแถลงวานนี้ (27) โดยแสดงความคาดหวังว่า คำขู่คว่ำบาตรจากนานาชาติจะช่วยควบคุมความทะยานอยากของรัสเซียที่จะขยายดินแดน หลังจากที่มอสโกใช้วิชามารแย่งชิงดินแดนไครเมียไปจากยูเครน ซึ่งถือเป็นการรุกรานครั้งใหญ่ที่ทำให้เครมลินถูกตะวันตกคว่ำบาตรหนักที่สุด นับตั้งแต่กำแพงเบอร์ลินถูกทำลายลงเมื่อปี 1989
ข้อตกลงเงินกู้มูลค่า 10,800-13,100 ล้านยูโรที่กรุงเคียฟทำร่วมกับไอเอ็มเอฟมาพร้อมกับเงื่อนไขปฏิรูปการคลังอย่างเข้มงวด ซึ่งแน่นอนว่าจะกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวยูเครนที่คุ้นชินกับการได้รับเงินอุดหนุนและสวัสดิการต่างๆ ตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการวางรากฐานให้ยูเครนเลิกพึ่งพารัสเซีย และปูทางไปสู่ความเป็นตลาดเสรีที่จะทำให้ยูเครนใกล้ชิดกับตะวันตกมากยิ่งขึ้นในอนาคต
“เงินสนับสนุนก้อนนี้จะช่วยฟื้นฟูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และตอบสนองความต้องการของชาวยูเครนในระยะยาว เพราะจะเป็นโอกาสไปสู่การเติบโตอย่างแท้จริง” ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ กล่าวระหว่างไปเยือนกรุงโรมในสัปดาห์นี้
โครงการเงินกู้ “standby arrangement” ของไอเอ็มเอฟ ถือเป็นแกนหลักของแพกเกจเงินช่วยเหลือที่รัฐบาลอีกหลายประเทศและหน่วยงานอื่นๆ มอบแก่ยูเครน ซึ่งจะคิดเป็นวงเงินเบิกจ่ายสูงถึง 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 2 ปีข้างหน้า
ความช่วยเหลือจากตะวันตกกลายเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งยวดสำหรับยูเครน หลังจากที่รัสเซียได้ระงับโครงการปล่อยกู้ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นรางวัลตอบแทนที่อดีตประธานาธิบดีวิกเตอร์ ยานูโควิช แห่งยูเครนยอมยกเลิกแผนเจรจาผูกสัมพันธ์ด้านการค้าและการเมืองกับยุโรป
