เอเอฟพี - ทางการบราซิลรายงานวานนี้ (18 มี.ค.) ว่าน้ำที่ท่วมมานานกว่าหนึ่งเดือน ทางภาคเหนือของบราซิลได้ฉุดให้ระดับน้ำในแม่น้ำขยับสูงขึ้น และบีบให้ประชาชนในพื้นที่ประสบภัยหลายหมื่นคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ซึ่งอยู่ติดกับโบลิเวียได้กระตุ้นให้ครอบครัว 22,000 หลังคาเรือนต้องละทิ้งบ้านเรือน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวรวมถึงครอบครัวในรัฐรอนโดเนีย หลังลำน้ำสายย่อยที่แตกแขนงมาจากแม่น้ำแอมะซอนเอ่อล้นท่วมตลิ่ง
พ.อ.เดนาร์กลี ดา กอสตา ฟาเรียส เจ้าหน้าที่กรมดับเพลิงรัฐรอนโดเนียกล่าวกับเอเอฟพีว่า “เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรายังคงเฝ้าระวังภัยต่อไป ในเวลาที่ (แม่น้ำ) มาเดย์รา ไต่ระดับขึ้นมาอยู่สูงกว่า 16 เมตร จนตอนนี้ขึ้นสูงกว่า 19 เมตรแล้ว
เนื่องจากคาดการณ์ว่า ระดับของแม่น้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเลยช่วงสิ้นเดือน ดา กอสตา ฟาเรียส กล่าวว่าได้เร่งอพยพชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเลวร้ายที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครเสียชีวิต
เมื่อเดือนที่แล้ว ทางการแดนแซมบ้าได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในปอร์ตูเวลโย เมืองหลวงของรัฐรอนโดเนีย ภายหลังที่ระดับน้ำขึ้นสูงจนท่วมถนนหลายสาย
ที่รัฐอาเกร ซึ่งอยู่ติดกับเปรู มีประชาชนราว 4,000 คน ต้องละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือน
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี ดิลมา รูสเซฟฟ์ แห่งบราซิลซึ่งถูกบีบให้ปฏิบัติหน้าที่ในวันหยุด ได้บินสำรวจพื้นที่บริเวณดังกล่าว ภายหลังที่เกิดพายุผนฟ้าคะนองทางภาคใต้ของประเทศ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 60 คน และอีกหลายหมื่นคนต้องตกอยู่ในสภาพไร้ที่อยู่อาศัย
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ภาคอื่นๆ ของบราซิลกลับต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ซึ่งก็คือภัยแล้ง ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นของรัฐเซาเปาลู ได้ออกมาขัดขวางการจัดสรรปันส่วนน้ำ
เกรัลโด อัลค์มิน ผู้ว่าการรัฐเซาเปาลูกล่าวว่า “จะไม่มีการจัดสรรปันส่วนน้ำในเทศบาลที่ใช้น้ำจาก ‘ซาเบสป์’ (บริษัทการประปาของรัฐ) พร้อมเน้นย้ำว่า ปริมาณน้ำสำรองมีเพียงพอแล้ว
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สื่อมวลชนได้คาดการณ์ว่า บราซิลอาจจำเป็นต้องใช้การจัดสรรปันส่วนน้ำ เพื่อเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามา ในช่วงเวลาที่รัฐเซาเปาลูเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน “ฟุตบอลโลก” แมตช์แรก ในวันที่ 12 มิถุนายน ปีนี้
