เอเอฟพี - องค์การเฝ้าระวังด้านสภาวะการทำงานเปิดเผยวานนี้ (18 มี.ค.) ว่านับตั้งแต่ย่างเข้าปี 2014 เป็นต้นมา พบว่ามีลูกจ้างของบริษัท “ออเรนจ์” ซึ่งเป็นกิจการโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสฆ่าตัวตายไปแล้วถึง 10 ราย เกือบเท่ากับยอดพนักงานที่ตัดสินใจจบชีวิตตนเองเมื่อปี 2013 ทั้งปีรวมกัน
องค์การ “ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ สเตรส แอนด์ ฟอร์ซด์ โมบิลีตี” ชี้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันกำลังส่งสัญญาณเตือนขั้นรุนแรง พร้อมทั้งกล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าพนักงานส่วนใหญ่ฆ่าตัวตายเพราะเรื่องงาน
ทั้งนี้ ออเรนจ์ กิจการโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤตฆ่าตัวตายระลอกใหม่ แต่เดิมใช้ชื่อว่า “ฟรานซ์ เทเลคอม”
ออเรนจ์เคยเผชิญเหตุฆ่าตัวตายระลอกที่รุนแรงที่สุด ในระหว่างปี 2008 ถึง 2009 ซึ่งเป็นช่วงที่มีลูกจ้างตัดสินใจอำลาโลกไปถึง 35 คน กระตุ้นให้ ดิดีเยร์ ลงบารด์ ประธานบริหารในเวลานั้นต้องก้าวลงจากตำแหน่ง
ข่าวการตายของพนักงานนับสิบได้กระตุ้นให้เกิดการตั้งคำถามถึงบรรยากาศในการทำงานอันตึงเครียด และวิธีการบริหารจัดการของบริษัท
เมื่อปี 2004 บริษัทนี้ยังถูกแปรรูปเป็นเอกชน ส่งผลให้เกิดการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ และมีพนักงานถูกปลดไปหลายสิบคน
องค์กรเฝ้าระวังแห่งนี้ระบุว่า เมื่อปี 2013 มีพนักงานของบริษัทซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า “ออเรนจ์” ฆ่าตัวตายไปทั้งสิ้น 11 คน
เมื่อวานนี้ (18) ฝ่ายบริหารของบริษัทออเรนจ์ ซึ่งมีลูกจ้างราว 100,000 คนได้ออกมายอมรับว่า นับตั้งแต่ย่างเข้าปีนี้ มีพนักงานฆ่าตัวตายไปแล้วหลายคน
บริษัทมีกำหนดจะส่งผู้ไกล่เกลี่ยไปพบตัวแทนของพนักงานในวันศุกร์นี้ (21) เพื่อหารือถึงวิกฤตที่เกิดขึ้น
ทางด้าน สหภาพแรงงานของออเรนจ์ได้เฝ้าระวังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา
“ในปีนี้เพียงเดียว สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม” พวกเขาระบุในคำแถลง พร้อมทั้งชี้ว่าชนวนเหตุของการฆ่าตัวตาย อาจมาจากการแผนปลดพนักงาน และการที่บริษัทรับพนักงานเข้ามาไม่เพียงพอ