กลางเดือนมี.ค.พายุฤดูหนาวยังถล่มสหรัฐฯ ปิดโรงเรียน-ยกเลิกเที่ยวบิน

รอยเตอร์ส - พายุฤดูหนาวลูกหนึ่งซึ่งล่าช้าผิดปกติ ซัดถล่มหลายมลรัฐแถบตอนกลางของมหาสมุทรแอตแลนติกของสหรัฐฯ ในวันจันทร์(17) เทหิมะลงมาหนากว่า 30 เซนติเมตรในบางพื้นที่ จนต้องปิดโรงเรียนและหน่วยงานรัฐบาล ขณะเดียวกันก็กระทบต่อการสัญจรทางอากาศ ยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยว

ปกติแล้วเนื่องในเทศกาล St. Patrick's Day ของวันที่ 17 มีนาคมในแต่ละปี ตามวัฒนธรรมสวมชุดเขียวหรือประดับประดาด้วยเครื่องประดับสีเขียว ผู้จะพร้อมใจกันออกจากบ้าน ออกมาทักทายสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิแรก หลังจากทนอุดอู้อยู่ในบ้านตลอดฤดูหนาวอันยาวนาน แต่ในปีนี้กลับกลายเป็นว่าเด็กๆยังคงได้สนุกสานกับรถเลื่อนหิมะต่อไปอีกวัน ขณะที่พนักงานขับรถกวาดหิมะก็ต้องออกมาปฏิบัติหน้าที่บนท้องถนน ก่อนสหรัฐฯจะเริ่มเข้าสู่ฤดใบไม้ผลิอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดี(20)

ไบรอัน คอร์ตี จากสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยว่าทางภาคตะวันออกของสหรัฐฯจะมีสภาพอากาศหนาวเย็นต่อไปแบบนี้จนถึงสัปดาห์หน้า "คุณกำลังเห็นอุณหภูมิที่ผันผวน แต่ผมคิดว่าอุณหภูมิโดยรวมจะยังคงต่ำกว่าเฉลี่ย" เขากล่าว พร้อมระบุว่าจะมีหิมะตกปรอยๆไปจนถึงช่วงบ่าย แต่พายุที่ซัดเล่นงานเวอร์จิเนีย เวสต์เวอร์จิเนีย แมรีแลนด์ เดลาแวร์และทางใต้ของนิวเจอร์ซีย์ ส่วนใหญ่ได้เคลื่อนตัวออกสู่ทะเลแล้ว

คอร์ตี บอกต่อว่าในกรุงวอชิงตัน มีหิมะตกลงมาหนา 18 เซนติเมตร นับเป็นหิมะช่วงปลายฤดูหนาวที่ตกลงมาหนาที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของเมืองหลวงแห่งนี้เลยทีเดียว ส่วนจุดที่มีหิมะตกลงมาหนาที่สุดในวันจันทร์(17) ได้แก่เมืองซิงเกอร์ส เกล็น มลรัฐเวอร์จิเนีย ห่างจากวอชิงตัน ไปทางตะวันตก 209 กิโลเมตร วัดได้ 34 เซนติเมตร

พนักงานรัฐบาลกลางหลายหมื่นคนในพื้นที่วอชิงตันได้รับคำสั่งให้อยู่แต่ในที่พักอาศัย ส่วนโรงเรียน มหาวิทยาลัยและหน่วยงานราชการท้องถิ่นทั่วภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูหนาวลูกนี้ก็ต้องปิดทำการ

ตำรวจรัฐเวอร์จิเนีย ระบุในถ้อยแถลงว่ารถบัสระหว่างเมืองเกิดอุบัติเหตุลื่นไถลออกจากถนนหลวงสายอินเตอร์สเตท 95 ห่างจากวอชิงตัน ไปทางใต้ราว 48 กิโลเมตร และพลิกคว่ำในตอนเช้าวันจันทร์(17) ส่งผลให้มีผู้โดยสาร 4 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนขับเจอข้อหาขับขี่โดยประมาท "รถใช้ความเร็วมากเกินไปบนท้องถนนที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง"

หิมะและน้ำแข็งส่งผลกระทบต่อการสัญจรในวันแรกของการทำงาน ด้วยมีเที่ยวบินราว 750 เที่ยวต้องถูกยกเลิกและอีกราว 1,600 เที่ยวรประสบปัญหาเดินทางล่าช้า ด้วยส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศนานาชาติเรแกน ที่ถึงกับต้องปิดเคลียร์รันเวย์ช่วงสั้นๆ