รอยเตอร์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ วานนี้ (12 มี.ค.) ร่วงกว่าร้อยละ 2 ขยับลงรุนแรงที่สุดในรอบ 2 เดือน หลังอเมริกาเตรียมทดสอบระบายคลังเชื้อเพลิงสำรองทางยุทธศาสตร์์ประกอบกับสต๊อกน้ำมันที่สูงลิ่ว ส่วนวอลล์สตรีททรงตัว นักลงทุนจับตาวิกฤตยูเครน โดยปัจจัยดังกล่าวประกอบกับความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจของจีน ก็ดันให้ทองคำพุ่งกว่า 23 ดอลลาร์
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 2.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 97.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 53 เซ็นต์ ปิดที่ 108.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในรายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของสำนักสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ (อีไอเอ) บอกว่า สต๊อกน้ำมันดิบของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 มีนาคม เพิ่มขึ้นถึง 6.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายกว่า 2 เท่า
นอกจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอแล้ว ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันวานนี้ (12) ยังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากกรณีที่สหรัฐฯ เตรียมทดสอบนำน้ำมันดิบจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์์ ออกมาจำหน่ายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990 ราว 5 ล้านบาร์เรล ซึ่งนักสังเกตุการณ์มองว่าน่าจะเป็นการส่งสารเป็นนัยจากรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ถึงรัสเซีย
แม้กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ อ้างว่าการทดสอบนี้ได้วางแผนมานานแล้ว เพื่อให้ตรงตามความต้องการของโรงกลั่นต่างๆ ที่พ้นจากวงจรบำรุงรักษาประจำปี แต่เหล่าเทรดเดอร์น้ำมัน ตั้งข้อสังเกตว่าความพยายามเข้าฮุบไครเมียจากยูเครนของรัสเซีย อาจเป็นตัวกระตุ้นให้อเมริกาทดลองระบายคลังเชื้อเพลิงสำรองทางยุทธศาสตร์์เข้าสู่ตลาด โดยมีจุดประสงค์ใช้ความมั่นคั่งทางทรัพยากรพลังงานแบ่งเบาภาระของยุโรปและยูเครนที่ต้องพึ่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียอย่างมาก
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (12) ปิดในกรอบแคบๆ นักลงทุนจับตาอย่างระมัดระวังต่อวิกฤตในยูเครนและเฝ้ารอข้อมูลเพิ่มเติมที่จะบ่งชี้ถึงทิศทางของเศรษฐกิจ
ดาวโจนส์ ลดลง 11.17 จุด (0.70 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,340.08 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.57 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,868.20 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 16.14 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,323.33 จุด
“นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง ขณะที่ความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกและวิกฤตการณ์ด้านภูมิศาสตร์ยังปกคลุมวอลล์สตรีท” บริษัท เวลล์ส ฟาร์โก แอดไวเซอร์ส ระบุในหนังสือที่ส่งถึงลูกค้า “โดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่เตรียมเปิดเผยออกมาอีกชุดและความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่กดดันตลาดหุ้นอย่างรุนแรง”
ปัจจัยทั้งสองอย่างข้างต้น ส่งผลให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ จนผลักให้ราคาทองคำวานนี้ (12) ปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 23.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,370.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์