เอเจนซีส์ - ผู้นำสหภาพยุโรปได้ออกมาตรการข่มขู่รัสเซียด้วยออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ที่อาจรวมถึง ไม่ออกวีซ่า ยึดทรัพย์ และจำกัดทางการค้า หากรัสเซียยังไม่เดินหน้าเจรจากับรัฐบาลยูเครนรักษาการของประธานาธิบดียูเครน โอเล็กซานเดอร์ ตูชินอฟ
โดยในขั้นแรก อียูได้ทำการยกเลิกการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G8 และการเจรจาเรื่องวีซ่าเสรีกับรัสเซีย ประธานสหภาพยุโรป เฮอร์มาน แวน รอมปุย ได้ออกเตือนเมื่อวานนี้(6)ว่า หากมอสโกยังไม่ลดระดับความตรึงเครียดด้านสถานการณ์ในยูเครน จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างอียูและรัสเซียอย่างรุนแรง
“หากไม่มีการลดระดับความตรึงเครียดในยูเครนลง ทางอียูจะมีมติออกมาตรการเพิ่มเติม เช่น การจำกัดวีซ่าเข้าอียู การยึดทรัพย์ และรวมไปถึงการยกเลิกการประชุมสุดยอดระหว่างมอสโกและอียู” รอมปุยกล่าวผ่านแถลงการณ์ รายงานจากสำนักข่าวอินเตอร์แฟกส์
ทางด้านนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน ขู่รัสเซียที่จะยึดทรัพย์และไม่ออกวีซ่าให้เดินทางเข้าอังกฤษ ซึ่งรัฐบาลของคาเมรอนสามารถกระทำได้อย่างทันทีหากทางรัฐบาลรัสเซียยังไม่มีการเจรจากับยูเครน
และด้านประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฟรองซัวส์ อองลองด์ ได้กล่าวเสริมว่า มาตรการกดดันทางด้านเศรษฐกิจต่อรัสเซียสามารถมีเพิ่มเติมในอนาคต
ส่วนนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ โดนัล ทุสค์ เปิดเผยว่า ทางยุโรปไม่ได้มี “ความต้องการอย่างแรงกล้า” ที่จะคว่ำบาตรรัสเซีย แต่มาตรการที่ออกมานั้น “เป็นสิ่งจำเป็น”
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล ได้ประนามมติของรัฐสภาไครเมียที่ประกาศในวันพฤหัสบดี(6)ที่จะมีการลงประชามติเพื่อที่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในอีก 10 วันข้างหน้านี้ว่า “ผิดกฏหมายและขัดกับรัฐธรรมนูญยูเครน”
หลังจากที่มีการประชุมฉุกเฉินในอียูของเหล่าผู้นำในกรุงบรัสเซล แมร์เคิลกล่าวว่า “ชาติผู้นำอียูได้บริภาษการละเมิดอำนาจอธิปไตยของยูเครนจากกรณีการลงประชามติของไครเมีย และคำนึงถึงการรวมไครเมียเข้ากับรัสเซียถือเป็นเรื่องใหญ่”
นอกจากนี้อียูยังได้กระตุ้นให้มีการถอนกองกำลังออกจากไครเมียที่เชื่อกันว่าเป็นกองกำลังของรัสเซียที่ได้ปิดล้อมฐานทัพทหารของยูเครนที่ตั้งอยู่ในไครเมีย และกองกำลังที่ไม่ได้ขึ้นต่อกองทัพยูเครนต้องวางอาวุธ”แมร์เคิลกล่าว
และแมร์เคิลยังคาดว่า ยูเครนจะได้เงินก้อนแรกจากอียูเพื่อกอบกู้เศรษฐกิจ โดยอียูมีแผนที่จะช่วยเหลือยูเครนด้วยตัวเลข 610 ล้านยูโรในอนาคต และจะตามมาด้วยแพคเกจก้อนใหญ่อีก 1 พันล้าน อียูจะร่วมลงนามเซ็นสัญญาความร่วมมือกับยูเครนเป็นสิ่งเร่งด่วนที่ชาติผู้นำอียูถือว่าต้องทำเป็นลำดับแรก รวมไปถึงความสัมพันธ์ทางการค้าจะต้องหารือกันในอนาคต โดยคำนึงถึงปัจจัยความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีทางการค้าที่ใกล้ชิดระหว่างยูเครนและรัสเซียเป็นสำคัญ