เอเอฟพี – สหรัฐฯมีคำสั่งจำกัดการเคลื่อนไหวของผู้แทนซีเรียประจำองค์การสหประชาชาติ โดยห้ามเดินทางออกจากนครนิวยอร์กซิตีไกลเกิน 25 ไมล์ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯแถลงวานนี้ (5)
เจ้าหน้าที่อเมริกันไม่มีคำอธิบายใดๆ สำหรับคำสั่งกักบริเวณเอกอัครราชทูต บาชาร์ จาฟารี ผู้แทนถาวรซีเรียประจำองค์การสหประชาชาติ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับดามัสกัสเสื่อมถอยลงอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียส่งทหารกวาดล้างผู้ประท้วงในสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ต้นปี 2011
“เราได้ส่งบันทึกการทูตไปแจ้งต่อผู้แทนถาวรซีเรียประจำองค์การสหประชาชาติซึ่งพำนักอยู่ในนิวยอร์ก เพื่อให้ท่านทราบว่าท่านไม่สามารถเดินทางออกจากเมืองได้ไกลเกินกว่า 25 ไมล์” เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯแถลง พร้อมระบุว่าคำสั่งดังกล่าวถูกส่งไปยัง จาฟารี เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์
ซากี ชี้ว่า เอกอัครราชทูตยูเอ็นจากชาติอื่นๆ ก็ถูกจำกัดการเดินทางในลักษณะนี้เช่นกัน เช่น ผู้แทนอิหร่าน และผู้แทนเกาหลีเหนือ เป็นต้น และใช่ว่าสหรัฐฯ จะไม่เคยออกคำสั่งเช่นนี้มาก่อน
แนวร่วมเพื่อซีเรียอันเป็นประชาธิปไตย (Coalition for Democratic Syria) ซึ่งเป็นสมาคมชาวอเมริกันเชื้อสายซีเรีย ออกมาแสดงความชื่นชมคำสั่งของกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมประณาม จาฟารี ว่าพยายามยั่วยุให้เกิดความแตกแยกระหว่างชาวซีเรียในสหรัฐฯมาโดยตลอด
“นี่คือสิ่งที่ชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายซีเรียพยายามผลักดันตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา” ชาด แบรนด์ โฆษกสมาคม ให้สัมภาษณ์ พร้อมชี้ว่าในช่วง 6 เดือนมานี้ จาฟารี “ได้เดินสายโฆษณาชวนเชื่อไปทั่วสหรัฐฯ เพื่อทำให้ชาวอเมริกันเข้าใจผิด และสร้างความเกลียดชังในหมู่ชาวอเมริกันเชื้อสายซีเรีย”
สหรัฐฯ ได้ปิดสถานทูตอเมริกันในกรุงดามัสกัสแล้ว แต่ยังไม่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับซีเรีย
โรเบิร์ต ฟอร์ด เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำซีเรียซึ่งพยายามผูกสัมพันธ์กับฝ่ายกบฏ เพิ่งพ้นจากตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดย ฟอร์ด ได้เดินทางออกจากรุงดามัสกัสตั้งแต่ปี 2011 หลังชาวซีเรียลุกฮือขับไล่ อัสซาด ครั้งใหญ่จนเป็นชนวนนำมาสู่สงครามกลางเมือง
