รอยเตอร์/ซินหัว - สหรัฐฯและอียู แสดงความกังวลต่อความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในไทย วิงวอนทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นในสถานการณ์ความขัดแย้งที่ไม่พบเห็นสัญญาณว่าจะยุติง่ายๆ และประณามเหตุโจมตีเวทีชุมนุมกปปส.ซึ่งคร่าชีวิตเด็กเมื่อวันอาทิตย์(23)ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทางการดำเนินการสืบสวนอย่างละเอียดถี่ถ้วนและโปร่งใสในเหตุความรุนแรงเมื่อเร็วๆนี้
รอยเตอร์รายงานว่าประเทศไทยต้องเผชิญกับเหตุความรุนแรงระหว่างฝ่ายต่อต้านรัฐบาลและเหล่าผู้สนับสนุนนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร มานานเกือบ 4 เดือน และตอนนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะหนักหน่วงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุระเบิดในย่านช้อปปิ้งอันพลุกพล่านใกล้กับเวทีชุมนุมของกปปส. ทำเด็ก 2 รายและผู้หญิงอีกคนเสียชีวิต นอกจากนี้แล้วยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 22 คน
"ความรุนแรงไม่ใช่วิถีทางที่ยอมรับได้ในการคลี่คลายความเห็นต่างทางการเมือง" เจน ซากี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวประณามเหตุโจมตีเมื่อวันอาทิตย์(23) และบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ยกโทษให้ไม่ได้ "เราย้ำคำเดิมว่าขอให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นและเรียกร้องเจ้าหน้าที่ไทยดำเนินการสืบสวนอย่างละเอียดถี่ถ้วนและโปร่งใสในทุกพฤติกรรมความรุนแรงเมื่อเร็วๆนี้"
ซากี บอกว่าสหรัฐฯกำลังจับตาเหตุการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศรายหนึ่งเสริมว่านางคริสตี เคนนีย์ เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ได้ดำเนินการประสานฝ่ายต่างๆในความพยายามส่งเสริมให้มีการคลี่คลายความตึงเครียดด้วยสันติวิธีและในแนวทางแห่งประชาธิปไตย
ทั้งนี้เมื่อวันพุธ(26) ทางสหภาพยุโรปและสหประชาชาติ ก็ออกมาประณามเหตุความรุนแรงเช่นกัน โดยนางแคทเธอรีน แอชตัน ประธานนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป(อียู) แสดงความกังวลผ่านโฆษกของเธอต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า "การตายของเด็กน้อยเป็นเรื่องที่น่าโมโหอย่างมาก"
นอกจากนี้แล้วในถ้อยแถลง นางแอชตัน ยังกล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของเหยื่อและเรียกร้องทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในไทย อดกลั้นอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้เหตุความรุนแรงลักษณะนี้เกิดขึ้นมาอีก พร้อมย้ำถึงข้อเรียกร้องให้หันหน้าเจรจาพื่อนำไปสู่ทางออกของปัญหาทางการเมืองที่ยั่งยืน บนพื้นฐานตามหลักประชาธิปไตย