รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 700 คนจากเหตุรุนแรงในอิรักในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นข้อมูลขององค์การสหประชาชาติที่มีการเปิดเผยในวันเสาร์ (1 มี.ค.) ซึ่งยังไม่นับรวมผู้ที่ถูกสังหารอีกเกือบ 300 รายในจังหวัดอันบาร์ทางภาคตะวันตกของประเทศ ซึ่งมีการสู้รบกันอย่างหนักระหว่างกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลแบกแดดกับกลุ่มติดอาวุธของพวกมุสลิมสุหนี่
สหประชาชาติเผยว่า มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้วรวม 703 รายในอิรักตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ ลดลงจากยอดผู้เสียชีวิต 733 รายในเดือนมกราคม อย่างไรก็ดี ยอดผู้เสียชีวิตดังกล่าวยังไม่นับรวมพลเรือนอีก 298 คนที่ถูกสังหารในจังหวัดอันบาร์
ข้อมูลของยูเอ็นระบุว่า นอกเหนือจากจังหวัดอันบาร์แล้ว กรุงแบกแดดเมืองหลวงของอิรัก ถือเป็นพื้นที่ที่มีการนองเลือดมากที่สุดจากการที่มีผู้เสียชีวิตในเดือนที่ผ่านมาไปถึง 239 คน ตามมาด้วยจังหวัดซาลาฮุดดินทางภาคเหนือที่มีผู้เสียชีวิต 121 ราย ขณะที่ยอดผู้บาดเจ็บจากเหตุรุนแรงทั่วอิรักในเดือนกุมภาพันธ์มีทั้งสิ้น 1,381 คน
ตัวเลขความสูญเสียดังกล่าวบ่งชี้ว่า สถานการณ์ความรุนแรงในอิรัก ที่ส่วนใหญ่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลอิรักที่นำโดยพวกชีอะห์กับกลุ่มติดอาวุธของพวกมุสลิมสุหนี่ ยังคงไม่ลดน้อยถอยลง หลังจากที่ในปีที่แล้วมีพลเรือนอิรักเสียชีวิตไปอย่างน้อย 7,818 คนจนส่งผลให้ปี 2013 กลายเป็นปีที่นองเลือดที่สุด นับตั้งแต่ปี 2008 ที่มีพลเรือนในอิรักถูกสังหารไป 6,787 ราย
ขณะเดียวกัน รัฐบาลอิรักภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนูริ อัล-มาลิกิ ยังคงประสบความล้มเหลว ในการยึดคืนพื้นที่หลายเมืองสำคัญในจังหวัดอันบาร์ที่มีพรมแดนติดกับซีเรีย หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์บุกเข้ายึดเมืองฟัลลูจาห์และรามาดีในจังหวัดดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว
