เอเอฟพี - กลุ่มติดอาวุธซึ่งต้องสงสัยว่าน่าจะเป็นสมาชิกกลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรง “โบโก ฮารัม” ได้สังหารนักเรียนมัธยมต้น 43 คนขณะกำลังหลับ ในเหตุสังหารหมู่ในโรงเรียนครั้งล่าสุด ที่เกิดขึ้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรียซึ่งประสบความไม่สงบอยู่บ่อยครั้ง
ในเวลาเดียวกันนี้ ไนจีเรียได้ส่งคำขอร้องไปยังฝรั่งเศส และบรรดาประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่พูดภาษาฝรั่งเศส โดยเฉพาะที่แคเมอรูน เพื่อขอกำลังสนับสนุนมาร่วมต่อสู้กับกลุ่มอิสลามิสต์ ก่อนที่ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศสจะมาเยือนไนจีเรียในอีก 2 วันข้างหน้า
การโจมตีได้เปิดฉากขึ้นเมื่อเวลา 02.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น โดยพุ่งเป้าเล่นงานโรงเรียนรัฐบาลกลาง ในเมืองบูนิ ยาดี ของรัฐโยเบ เหตุโจมตีที่เกิดขึ้นมีลักษณะคล้ายกับการก่อเหตุเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไป 40 ราย
มีรายงานว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ขว้างวัตถุระเบิดเข้าไปในหอพักนักเรียนและกราดยิงเข้าไปในห้องพัก ก่อนจะฟันนักเรียนเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
แหล่งข่าวรายหนึ่ง ซึ่งเป็นแพทย์อาวุโสในโรงพยาบาลเฉพาะทาง “ซอนี อะบาชา” ในดามาตูรู เมืองเอกของรัฐโยเบกล่าวว่า กลุ่มติดอาวุธมุ่งสังหารเฉพาะนักเรียนชาย ขณะที่ “ไว้ชีวิต” นักเรียนหญิง
“จนถึงตอนนี้มีการนำร่างผู้เสียชีวิต (ออกมาจากโรงเรียน) 43 ศพ และนำไปไว้ที่ห้องดับจิตแล้ว” แหล่งข่าวรายนี้ระบุ โดยไม่ขอเปิดเผยนาม เนื่องจากเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเหยื่อผู้เสียชีวิต
ทำเนียบประธานาธิบดีโจนาธาน กู๊ดลัก แห่งไนจีเรียได้ออกคำแถลงประณามการก่อเหตุฆาตกรรมฝีมือ “กลุ่มก่อการร้ายที่บ้าคลั่งและป่วยทางจิต” ว่าเป็นการการกระทำที่ “โหดเหี้ยมอำมหิต และเลือดเย็น”
ทั้งนี้ รัฐโยเบ เป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งถูกกลุ่มโบโก ฮารัมโจมตีหนักที่สุดในช่วงเวลา 4 ปีครึ่งที่กลุ่มหัวรุนแรงอิสลามิสต์ลุกฮือขึ้นมาสังหารประชาชนไปหลายพันคน
ชื่อ “โบโก ฮารัม” มีความหมายว่า “การศึกษาจากโลกตะวันตกเป็นสิ่งต้องห้าม”
ทั้งนี้ นักรบอิสลามิสต์กลุ่มนี้ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ก่อเหตุโจมตีโรงเรียนหลายระลอก โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโยเบ รัฐที่เกิดการสังหารหมู่นักเรียนในปีที่แล้ว
ทางด้าน ซานูซี รูไฟ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐโยเบ ซึ่งเป็นผู้แถลงยืนยันเหตุโจมตีครั้งนี้ และก่อนหน้านี้เคยแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิต 29 ราย ได้เดินทางไปที่เมืองบูนิ ยาดี ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองดามาตูรูราว 60 กิโลเมตร โดยมีอิบรอฮิม เกดัม ผู้ว่าการรัฐร่วมเดินทางไปประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น