รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลไนจีเรียประกาศในวันอาทิตย์ (23) สั่งปิดพรมแดนทางตอนเหนือของประเทศด้านที่ติดต่อกับแคเมอรูน ถือเป็นความพยายามล่าสุดของไนจีเรียในการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ “โบโก ฮารัม” ที่มักใช้ประเทศเพื่อนบ้านเป็นฐานสำหรับก่อเหตุโจมตีในไนจีเรีย
รายงานข่าวระบุว่า พรมแดนที่รัฐบาลไนจีเรียสั่งปิดในครั้งนี้ ครอบคลุมตั้งแต่รัฐบอร์โนทางภาคเหนือของประเทศ ลงไปจนถึงพรมแดนในรัฐอดามาวาที่อยู่ถัดลงไปทางใต้ โดยความยาวของแนวพรมแดนที่ถูกสั่งปิดทั้งหมด คิดเป็นความยาวราวครึ่งหนึ่งจากพรมแดน 2,414 กิโลเมตรที่ติดต่อกับแคเมอรูน
ทั้งรัฐบอร์โนและอดามาวาต่างเป็นพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ประกาศโดยประธานาธิบดี กู๊ดลัค โจนาธาน ผู้นำไนจีเรีย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เพื่อกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธมุสลิมหัวรุนแรง โบโก ฮารัม ที่มีจุดมุ่งหมายในการสถาปนารัฐอิสลามสุดโต่งขึ้นในภาคเหนือของไนจีเรีย ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของแอฟริกา
ก่อนหน้านี้ สมาชิกกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ “โบโก ฮารัม” ลงมือก่อเหตุโจมตีระลอกใหม่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรียในวันพุธ (19) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 47 รายที่เมืองบามาทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ หลังจากที่สมาชิกของกลุ่มหัวรุนแรงดังกล่าวก่อเหตุกราดยิงใส่โรงเรียนแห่งหนึ่ง รวมถึงยิงชาวบ้านแบบไม่เลือกหน้า และมีการจับชาวบ้านหลายคนมาเผาทั้งเป็น
ขณะที่เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพิ่งเกิดเหตุนักรบอิสลามิสต์กลุ่มโบโก ฮารัม ก่อเหตุสังหารหมู่ชาวบ้านอย่างน้อย 106 ศพ ที่หมู่บ้านอิซเก ในรัฐบอร์โนเช่นกัน
ทั้งนี้ ข้อมูลของรัฐบาลไนจีเรียระบุว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 15,000 คน นับตั้งแต่ที่เกิดการเคลื่อนไหวของพวกนักรบอิสลามิสต์ทางตอนเหนือของประเทศเมื่อปี 2001