เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันวานนี้ (19) แตะระดับสูงสุดในรอบปี จากสภาพอากาศหนาวที่ปกคลุมสหรัฐฯ และความยุ่งเหยิงในเหล่าชาติผู้ส่งออก ส่วนวอลล์สตรีทและทองคำปิดแดนลบ หลังรายงานเฟดเผยให้เห็นถึงแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายก่อนกำหนด
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ ปิดที่ 103.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 4 เดือน ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 110.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2014
น้ำมันดิบเบรนต์ทรงตัวอยู่เหนือ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์ในเวเนซุเอลา ซูดานใต้ และไนจีเรีย ซึ่งล้วนแล้วเป็นผู้ส่งออกหลัก ส่วนน้ำมันสหรัฐฯ ได้แรงหนุนจากความคาดหมายว่าสต๊อกน้ำมันดิบจะลดลงในรายงานที่จะเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (20) สืบเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเหน็บที่ยังปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ (19) ปิดลบพอประมาณ หลังรายงาน minutes จากการประชุมหนล่าสุดของธนาคารกลางอเมริกา (เฟด) แสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายบางส่วน หวังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดเร็วขึ้น
ดาวโจนส์ ลดลง 87.85 จุด (0.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,042.55 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 11.92 จุด (0.65 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,828.84 จุด แนสแดก ลดลง 34.83 จุด (0.82 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,237.95 จุด
รายงาน minutes ของที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม พบว่าเหล่าคณะกรรมมองแนวโน้มทางเศรษฐกิจในด้านบวกมากขึ้นเรื่อยๆ และแม้ส่วนใหญ่เห็นว่าควรคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับต่ำเตี้ยติดพื้น 0-0.25 เปอร์เซ็นต์ ไปจนถึงปี 2015 แต่ก็มีบางส่วนที่อยากให้ปรับขึ้นเร็วๆ นี้ อย่างช้าที่สุดก็เป็นช่วงกลางปี 2014 เลย
ทั้งนี้รายงานดังกล่าวที่บ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้ (19) ปิดในแดนลบ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 4.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,320.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์