เอเจนซี – กรุงจาการ์ตายังครองแชมป์เมืองที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ระดับไพรม์พุ่งสูงที่สุดในโลกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่ “กรุงเทพมหานคร” ติดโผเมืองใหญ่ที่ราคาบ้านพุ่งเป็นอันดับที่ 7 ของโลก จากการจัดอันดับโดยบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ไนท์แฟรงก์ (Knight Frank)
ดัชนี Prime Global Cities Index ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของราคาอสังหาริมทรัพย์ใน 30 เมืองสำคัญทั่วโลกชี้ว่า ช่วงสิ้นปี 2013 ที่ผ่านมา ราคาที่พักอาศัยระดับหรูในเมืองหลวงของอินโดนีเซียพุ่งสูงขึ้นยิ่งกว่าเมืองใดในโลก โดยขยับขึ้นถึง 37.7% เมื่อเทียบกับ 1 ปีก่อน
เลียม ไบลีย์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านที่พักอาศัยของไนท์แฟรงก์ ระบุว่า “อุปทานที่ต่ำมาก” ซึ่งแย้งกับอุปสงค์ที่ “แข็งแกร่ง” คือปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ราคาที่พักอาศัยระดับไพรม์ในกรุงจาการ์ตาพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง “แม้เศรษฐกิจของอินโดนีเซียจะไม่แข็งแกร่งเท่าเมื่อ 2 ปีก่อนก็ตาม”
จาร์กาตา รั้งแชมป์ได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยเมื่อปี 2012 ราคาบ้านหรูในนครหลวงแห่งนี้ก็ขยับแพงขึ้นถึง 38% จากปี 2011
อันดับรองลงมาได้แก่ ดับลิน เมืองหลวงของไอร์แลนด์ ซึ่งราคาบ้านหรูขยับขึ้น 17.5% จากปีก่อนหน้า ตามมาด้วยกรุงปักกิ่ง (17.1%), ดูไบ (17%) และนครลอสแองเจลิส (14%)
ไนท์แฟรงก์ ให้คำจำกัดความ “prime real estate” ว่าหมายถึง ที่พักอาศัยซึ่งมีราคาตลาดสูงสุด 5 อันดับแรกเมื่อเทียบตามตำแหน่งเปอร์เซ็นต์ไทล์
สิงคโปร์และฮ่องกงซึ่งเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่บูมที่สุดในเอเชียเมื่อช่วง 3 ปีก่อนเริ่มจะซบเซาลง เนื่องจากรัฐบาลหันมาใช้มาตรการต่างๆ เช่น การเรียกเก็บอากรแสตมป์เพิ่ม เพื่อบรรเทาความร้อนแรงของตลาด และชะลอการเข้าซื้อโดยคนต่างชาติ
ไบลีย์ ชี้ว่า มาตรการเหล่านี้ “ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเม็ดเงินลงทุนจากจีนที่จะไหลเข้าสู่ตลาดเหล่านั้น”
ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุดในสิงคโปร์และฮ่องกง ลดลงราว 0.8% และ 2.2% ตามลำดับ
นครนิวยอร์กซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของสหรัฐฯ มีอัตราการเพิ่มของราคาอสังหาริมทรัพย์ 10.4% และอยู่ในลำดับที่ 9 ส่วนกรุงลอนดอนของอังกฤษมาเป็นลำดับที่ 12 (7.5%)
ในส่วนของกรุงเทพมหานคร ราคาอสังหาริมทรัพย์ระดับไพรม์ขยับขึ้นอีก 12.3% ในปี 2013 และอยู่ในลำดับที่ 7 เมื่อเปรียบเทียบกับ 30 เมืองใหญ่ทั่วโลก
