รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา และประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฟรองซัวส์ โอลลองด์ ได้เดินทางไปเยือนคฤหาสน์มอนติเซลโล รัฐเวอร์จิเนีย ของบิดาผู้ก่อตั้งสหรัฐฯ และอดีตประธานาธิบดีลำดับที่ 3 “โทมัส เจฟเฟอร์สัน” ในวันจันทร์ (10) ที่ผ่านมา ในการกระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง 2 ชาติที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกันยาวนานกว่า 200 ปี
การเดินทางไปเยือนคฤหาสน์มอนติเซลโล ของอดีตประธานาธิบดีลำดับที่ 3 ได้แสดงถึงสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นยาวนานของฝรั่งเศสและสหรัฐฯที่ย้อนไปตั้งแต่สมัยสร้างชาติอเมริกาในปลายศตรวรรษที่ 18 ที่ฝรั่งเศสยังคงเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นถึงแม้จะมีเหตุการณ์ไม่ลงรอยเนื่องจากการเจรจาการค้ากับอียูก็ตาม
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฟรองซัวส์ โอลลองด์ วัย 59 ปีที่เพิ่งแยกทางจากอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของฝรั่งเศส วาเลรี ตริเยร์เวเลร์ ในเดือนที่ผ่านมา หลังจากความสัมพันธ์ลับระหว่างดาราสาวชาวฝรั่งเศสถูกแฉตามหน้าสื่อหนังสือพิมพ์ ได้เดินทางเยือนสหรัฐฯอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ซึ่งนับเป็นการเยือนสหรัฐฯครั้งแรกของโอลลองด์นับตั้งแต่เข้าเข้ารับตำแหน่งในสมัยที่ 2 ในปี 2012
และในวันนี้ (11) ผู้นำของทั้ง 2 ชาติจะเข้าพบปะหารือที่ทำเนียบขาว ในหัวข้อ อิหร่าน ซีเรีย ความวุ่นวายในแอฟริกาเหนือ และการค้า และจะมีการแถลงข่าวร่วมกันหลังจากนั้น และตกค่ำที่จะมีงานเลี้ยงดินเนอร์ที่มีอาหารแสดงถึงความเป็นอเมริกัน เช่น สเต็กริบอาย ไวน์สหรัฐฯ และการแสดงดนตรีของแมรี เจย์ ไบลจ์
ซึ่งเมื่อวานนี้ (10) ที่ทุกอย่างล้วนเป็นความหมายด้านสัญลักษณ์ โอบามาได้ต้อนรับโอลลองด์ที่ฐานทัพร่วม แอนดรูว์ส นอกกรุงวอชิงตัน และต่อจากนั้นผู้นำของทั้ง 2 ชาติได้บินไปยังชาร์ลอตต์สวิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย ด้วยเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน
เมื่อเดินทางมาถึงยังคฤหาสน์มอนติเซลโล ในรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งได้รับการออกแบบด้วยตนเองจากเจฟเฟอร์สันที่มีหน้ามุขเป็นเอกลักษณ์ ทั้งโอบามาและโอลลองด์ได้เข้าเยี่ยมชมห้องทำงานที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯลำดับที่ 3 ได้ใช้เป็นที่เขียนหนังสือ ออกแบบทางสถาปัตย์ และสังเกตทางวิทยาศาสตร์
และนอกจากนี้ผู้นำทั้งคู่ยังได้เข้าเยี่ยมชมชั้นใต้ดินของคฤหาสน์ที่มีอุปกรณ์การครัวจัดแสดงอยู่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์การครัวที่เจฟเฟอร์สันนำมาจากกรุงปารีสหลังจากที่เขาได้ดำรงตำแหน่งเอกอัคราชทูตสหรัฐฯประจำฝรั่งเศสในสมัยนั้น
ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและฝรั่งเศสในยุคปัจจุบันนั้นมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดต่างจากสมัยเมื่อ10 ปีที่แล้ว ซึ่งฝรั่งเศสได้ปฎิเสธที่จะส่งกองทหารเข้าร่วมรบในอิรัก แต่กระนั้นจากเหตุข่าวฉาวแอบดักฟังของหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯได้ส่งผลความไม่พอใจให้กับฝรั่งเศส ซึ่งโอลลองด์ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารไทม์ว่า “การแอบดักฟังของหน่วยงาน NSA ไม่ควรจะต้องเกิดขึ้น และเป็นผลทำให้เกิดช่วงเวลาที่ยุ่งยากไม่เฉพาะระหว่างสหรัฐฯและฝรั่งเศส แต่กับสหรัฐฯและอียู”
โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐฯต้องสะดุดลงอีกครั้ง เมื่อข้อความสนทนาลับระหว่างผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ และเอกอัคราชทูตสหรัฐฯประจำยูเครนถูกเปิดเผย ที่มีข้อความหยาบคายวิพากษ์อียูออกจากปากผู้ช่วยรัฐมนตรีสหรัฐฯผู้นี้
ที่ผ่านมา ทั้งสหรัฐฯและฝรั่งเศสมีความร่วมมือทางการทูตในเรื่องซีเรียและอิหร่าน แต่มักมีความเห็นขัดแย้งกันในด้านการค้า เช่น การตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและสหภาพยุโรปที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
